ความเครียด ทำลายสมอง ทำยังไงไม่เสี่ยง! โรคหลอดเลือดสมอง
คนวัยทำงาน มักต้องเผชิญกับ ความเครียด อยู่แทบทุกวัน ด้วยลักษณะงานที่ทำอาจจะมีปริมาณมากล้น มีความเร่งด่วนแข่งกับเวลา ตลอดจนต้องเผชิญกับความกดดันต่าง ๆ ซึ่งความเครียดจะไปกระตุ้นให้เกิดปัญหาทางสุขภาพได้หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และอาจส่งผลให้โรคอื่น ๆ ที่เป็นอยู่ ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก
ความเครียด ส่งผลต่อหลอดเลือดสมองอย่างไร
เมื่อคนเราเครียด ร่างกายจะมีการตอบสนองที่ขึ้นอยู่กับหลาย ๆ องค์ประกอบ อาทิ ก่อให้เกิดการอักเสบ ความดันโลหิตสูง และปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุหลัก ๆ ที่จะกระทบต่อโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจ
มีงานวิจัยหนึ่งในประเทศจีน รวบรวมข้อมูลจาก 6 การศึกษา มีผู้เข้าร่วม 138,782 คน เพื่อวิเคราะห์ความเชื่อมโยงระหว่างความเครียดจากการทำงานกับความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองในอนาคต ผลปรากฎว่า ความเครียดจากการทำงาน ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองสูงขึ้นจริง
โดยจุดที่น่าสนใจ คือเมื่อพิจารณาตามลักษณะการทำงาน พบว่า งานหนัก กดดัน และมีอำนาจในการตัดสินใจในตัวงานต่ำ (เช่น อาชีพพนักงานเสิร์ฟ ผู้ช่วยพยาบาล) จะมีความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองมากกว่างานที่มีอำนาจในการตัดสินใจในตัวงานสูง (เช่น สถาปนิก นักวิทยาศาสตร์) ถึง 22 เปอร์เซ็นต์
ในอีกการศึกษาหนึ่งพบว่า ระดับความเครียดและอาการซึมเศร้าที่สูงขึ้น มีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของ Incident Stroke หรือ TIA (Transient Ischemic Attacks) ซึ่งเป็นอาการเตือนของโรคหลอดเลือดสมอง ในผู้ใหญ่วัยกลางคนและวัยสูงอายุอีกด้วย
จะลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองได้อย่างไร
โรคหลอดเลือดสมอง เกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ใช่แค่เฉพาะสภาพจิตใจและอารมณ์ ดังนั้น การจะลดความเสี่ยงของโรคนี้ จึงควรดูแลตัวเองทั้งระบบ
หากมีอาการเครียด ซึมเศร้า วิตกกังวล ควรปรึกษาแพทย์ นักจิตบำบัด หรือบุคลากรเฉพาะทาง เพื่อรับคำแนะนำในการจัดการกับความรู้สึกเหล่านั้นอย่างเหมาะสม
การดูแลสุขภาพร่างกายก็สำคัญ เพราะโรคหลอดเลือดสมอง สัมพันธ์กับไลฟ์สไตล์ เช่น การกินอาหารไม่ดี การไม่ออกกำลังกาย การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์
เทคนิคลดความเครียดในที่ทำงาน
- เมื่อเครียด ให้หายใจลึก ๆ ทำสมาธิ หรือลองเล่นโยคะ ให้สมองได้รับออกซิเจน และร่างกายสดชื่น ผ่อนคลายมากขึ้น
- ใช้แอปพลิเคชันหรือฟังเพลง ที่ช่วยให้จิตใจสงบ
- ลุกขึ้นขยับร่างกายหลาย ๆ ครั้งระหว่างวันทำงาน หรือลองจัดตารางออกกำลังกายก่อนเริ่มหรือหลังเลิกงาน ที่ตัวเราเองสามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอ
- ชวนกันไปสังสรรค์ แต่อย่าดื่มหนัก! ลดเหล้า เบียร์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ทำอาหารเพื่อสุขภาพกินวันละมื้อ
- หาต้นไม้มาตกแต่งโต๊ะทำงานเพื่อสร้างบรรยากาศสบาย ๆ ผ่อนคลาย
- โฟกัสกับงานทีละอย่าง และให้รางวัลตัวเองเมื่อทำงานเสร็จ เพราะการทำหลายอย่างพร้อมกันมักจะทำให้ระดับความเครียดเพิ่มขึ้น
สิ่งที่สำคัญ คือเมื่อต้องรับมือกับงาน โปรเจกต์ใหญ่ ๆ พยายามถอยมาพิจารณาภาพรวมของงาน แล้วจัดลำดับการทำงานให้เป็นลำดับก่อนหลัง จะช่วยลดความรู้สึกยุ่งเหยิง วิตกกังวล หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อสุขภาพ สร้างนิสัยการกินที่ดี แล้วหาเวลาออกกำลังกาย ขยับเขยื้อนร่างกายเพื่อรักษาสมรรถภาพด้านกายภาพของตัวเอง ถ้างานที่ทำมีความเครียดมาก ต้องใส่ใจเรื่องความดันโลหิต และไปพบแพทย์ถ้าความเครียดมากเกินจะรับมือ