True or False เรื่องของหูและการได้ยิน
ความเชื่อเกี่ยวกับหูและการได้ยิน
การได้ยินคือประสาทสัมผัสสำคัญที่เชื่อมเราเข้ากับผู้คน และสภาพแวดล้อม แต่ในปัจจุบัน มีความเชื่อมากมายบนอินเทอร์เน็ต จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง บางครั้งก็สร้างความเข้าใจผิด ส่งผลให้เราสับสนกับการดูแลสุขภาพหูที่ถูกต้อง
บทความนี้จึงนำข้อเท็จจริงจากแพทย์เฉพาะทาง มาให้ความรู้ สร้างความเข้าใจ เพื่อให้คุณสามารถดูแลหู และการได้ยินอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความกังวลใจต่าง ๆ ที่เกิดจากข้อมูลผิด ๆ บนโซเชียล มาดูกันเลย
อายุมาก เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หูตึง จริงหรือไม่
คำตอบคือ ไม่จริง
หูตึงมีหลายชนิด หลายสาเหตุ เราจะพบได้ในทุกช่วงวัยตั้งแต่เด็กแรกเกิด โดยส่วนใหญ่เมื่อแรกเกิด คนเราจะมีระบบการได้ยินที่ปกติ แต่จะค่อย ๆ เสื่อมและมาแสดงอาการเมื่ออายุมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้แปลว่าผู้ป่วยที่อายุมากทุกคนจะหูตึง เพราะต้องมีปัจจัยอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น การฟังเสียงดัง ๆ การกินยาที่เป็นพิษกับหู การติดเชื้อ เนื้องอก ระบบไหลเวียนโลหิตไม่ปกติ เป็นต้น
หูตึงที่เกิดจากประสาทหูเสีย รักษาได้ จริงหรือไม่
คำตอบคือ แล้วแต่ชนิดของประสาทหูเสีย
ประสาทหูเสีย คือ ความผิดปกติของหูชั้นใน และประสาทหู ในกรณีที่เป็นแบบเฉียบพลัน ถ้ามาพบแพทย์ได้อย่างรวดเร็ว ก็อาจจะรักษาให้หายขาดและดีขึ้นได้ แต่ถ้าในกรณีเป็นประสาทหูเสียแบบถาวร ในปัจจุบัน ยังไม่มีเทคโนโลยีทางการแพทย์ และยาตัวใดที่จะรักษาให้หายขาดได้ จึงควรหมั่นสังเกตการได้ยิน และควรมาตรวจการได้ยินอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อรักษาให้ทันท่วงที
ดังนั้น ความเชื่อที่ว่า หูตึงที่เกิดจากประสาทหูเสีย รักษาให้หายขาดได้นั้น มีทั้งจริง และไม่จริง ขึ้นอยู่กับชนิดของอาการประสาทหูเสีย ว่าเป็นแบบเฉียบพลันหรือถาวร
ได้ยินเสียงรบกวนในหู เป็นอาการทางจิต ต้องพบจิตแพทย์ จริงหรือไม่
คำตอบคือ แล้วแต่ลักษณะเสียงที่ได้ยิน
การได้ยินเสียงรบกวนในหู หรือ tinnitus เป็นอาการที่มีเสียงรบกวนในศรีษะ หรือในหู ซึ่งไม่ใช่เสียงจากภายนอก มีหลายรูปแบบ บางคนก็ได้ยินเสียง วี้ด ๆ เสียงหึ่ง ๆ หรือเสียงตุบ ๆ ตามชีพจร บ้างก็จะเป็นเสียงคลิก หรือเสียงลมอื้อ ๆ แล้วแต่บุคคล โดยจะได้ยินชัดเจนขึ้นเมื่ออยู่ในที่เงียบ หากอาการส่งผลรบกวนชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การนอนหลับ จนเกิดความเครียด ความกังวล หงุดหงิด ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ และรักษาก่อนจะสายเกินไป
ดังนั้น ความเชื่อที่ว่า มีเสียงรบกวนในหูเป็นอาการทางจิต ต้องพบจิตแพทย์ ความเชื่อนี้ต้องขึ้นอยู่กับว่าเสียงนั้นเป็นเสียงชนิดไหน ถ้าเป็นเสียงวี้ด เสียงตุบ ๆ ต่าง ๆสามารถมาพบแพทย์ด้านหู คอ จมูก ได้ แต่ถ้าเป็นเสียงชนิดอื่น ก็อาจจะต้องพบจิตแพทย์
คนหูหนวก ต้องใส่เครื่องช่วยฟัง ให้ได้ยินและสื่อสารได้ จริงหรือไม่
คำตอบคือ จริง และ ไม่จริง
คนหูหนวก คือ คนที่มีความผิดปกติของการได้ยินระดับตั้งแต่ 90 เดซิเบลขึ้นไป ซึ่งการใส่เครื่องช่วยฟังก็จะขยายเสียงแค่ในรูหู จากนั้นเสียงต้องผ่านต่อเข้าไปยังหูชั้นกลางในในเพื่อแปลงเป็นกระแสประสาทส่งไปแปลความหมายที่สมอง ซึ่งเครื่องช่วยฟังไม่สามารถช่วยสร้างกระแสประสาทได้ ดังนั้น คนหูหนวกจะได้ยินเสียงจากเครื่องช่วยฟังที่ดังขึ้น แต่จะไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเสียง
อย่างไรก็ตาม การใส่เครื่องช่วยฟังในคนหูหนวกยังเป็นสิ่งจำเป็น เพราะจะช่วยกระตุ้นการทำงานของประสาทหูอย่างสม่ำเสมอ ไม่ให้การได้ยินแย่ลง แล้วอาจมีการใช้ตัวช่วยอื่น ๆ เช่น การอ่านปาก การดูสีหน้าท่าทาง การอ่านตัวหนังสือ การดูภาพ ดูคลิปวิดีโอ ก็จะช่วยให้คนหูหนวกสามารถแยกแยะเสียงและสื่อสารกับคนทั่วไปได้ดีขึ้น
ดังนั้น ความเชื่อที่ว่า คนหูหนวกใส่เครื่องช่วยฟังเพื่อให้ได้ยินและสื่อสารได้ ข้อนี้มีทั้งจริงและไม่จริง เพราะการสื่อสารจะดีขึ้นได้ แต่ก็ต้องพึ่งการอ่านปาก มองสีหน้าท่าทางของผู้พูดที่กำลังคุยกับเขา จึงจะทำให้การสื่อสารดีขึ้น
การตรวจการได้ยิน เป็นเรื่องไม่จำเป็น จริงหรือไม่
คำตอบคือ ไม่จริง
เนื่องจากคนเรา ใช้ประสาทสัมผัสส่วนการได้ยินตลอดเวลา และการตรวจการได้ยินไม่เพียงแต่ช่วยให้เราทราบสถานะการได้ยินของตนเองเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ซึ่งนำไปสู่การรักษาหรือจัดการปัญหาได้อย่างทันท่วงที หากละเลยปัญหาการได้ยิน อาจส่งผลให้เกิดปัญหาในการสื่อสาร รู้สึกแปลกแยกทางสังคม หรือแม้กระทั่งส่งผลต่อสุขภาพจิตได้ เพราะเราใช้หูทุกวัน ตลอดเวลา ความเชื่อที่ว่า การตรวจการได้ยินเป็นเรื่องไม่จำเป็น จึงเป็นเรื่องไม่จริง
ใส่เครื่องช่วยฟังแล้วทำให้หูตึงมากขึ้น จริงหรือไม่
คำตอบคือ ไม่จริง
เครื่องช่วยฟังคือเครื่องขยายเสียงขนาดเล็กซึ่งมีหลายชนิด หลายรูปแบบและเทคโนโลยี ควรเลือกเครื่องช่วยฟังที่ได้มาตรฐานและมีปรับตั้งค่าให้เหมาะสมกับระดับการได้ยินและรูปแบบของการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อจะให้ผู้ใส่ได้ประโยชน์สูงสุดจากเครื่องช่วยฟัง นอกจากนี้ยังควรดูแลสุขภาพหูด้านอื่น ๆ ด้วย เช่น หลีกเลี่ยงยาบางตัวที่เป็นพิษกับหู รวมทั้งหากมีการอักเสบติดเชื้อในหูต้องรีบมาพบแพทย์ และรับการรักษา
ที่สำคัญคือ ไม่ควรไปซื้อเครื่องช่วยฟังมาแล้วนำมาตั้งค่าเอง เพราะการตั้งค่าควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านโสตสัมผัสวิทยา (Audiologist) หรือผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องช่วยฟัง โดยอาศัยข้อมูลจากการตรวจการได้ยินของผู้ป่วยเป็นหลัก เพราะหากตั้งค่าเองแล้วใส่เครื่องช่วยฟังที่ปรับไม่เหมาะสม ดังเกินไป ก็จะเข้าไปทำลายเซลล์ขนเล็ก ๆ ในหูชั้นในทำให้หูตึงมากขึ้นได้
เพราะฉะนั้น ความเชื่อที่ว่า การใส่เครื่องช่วยฟังแล้วทำให้หูตึง ไม่เป็นความจริง
เราไม่จำเป็นต้องแคะหู จริงหรือไม่
คำตอบคือ จริง
โดยปกติแล้ว ขี้หูของคนเรา ผลิตขึ้นมาเองแล้วสามารถกำจัดออกไปได้เองตามธรรมชาติอยู่แล้ว โดยที่เราไม่จำเป็นต้องไปทำอะไรกับมัน แต่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิด ว่าที่มีขี้หู เป็นเรื่องของสิ่งสกปรก หรือว่าจะทำให้เกิดการหมักหมม ก็เลยพยายามไปเอาออก หรือทำความสะอาด โดยการปั่นหูทุก ๆ วัน ซึ่งการทำแบบนี้ ส่วนใหญ่มักก่อให้เกิดปัญหาตามมา อาจทำให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ ของหูชั้นนอก บางกรณีอาจเป็นหนอง หรือติดเชื้อไปถึงหูชั้นกลางได้
เพราะฉะนั้น จึงแนะนำว่า ไม่ต้องทำอะไรเลย ถ้าจะเช็ด ให้เช็ดเฉพาะผิวนอกของใบหูเท่าที่เรามองเห็นได้ด้วยตาก็พอ
ใส่หูฟัง เปิดเพลงเสียงดัง ทำให้หูตึง จริงหรือไม่
คำตอบคือ จริง
การฟังเสียงดัง ๆ ที่มากเกิน 85 เดซิเบลต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน จะทำให้มีอาการหูตึงมากขึ้น กรณีใส่หูฟัง แนะนำให้ตั้งความดังไม่เกิน 60 เปอร์เซ็นต์ของแถบความดัง ต่อเนื่องกันไม่เกิน 2 ชั่วโมง จากนั้นควรถอดหูฟังพักบ้าง ร่วมกับต้องหลีกเลี่ยงไม่ใส่หูฟังในที่จอแจเสียงดัง เพราะเราจะเผลอเพิ่มความดังโดยที่เราไม่รู้ตัว
เพราะฉะนั้น ความเชื่อที่ว่า ใส่หูฟังเปิดเพลงเสียงดังทำให้หูตึง เป็นเรื่องจริง

หู เป็นอวัยวะสำคัญที่หลายคนละเลยอย่างไม่น่าเชื่อ สัญญาณหรือความผิดปกติเพียงเล็กน้อยอาจลุกลามเป็นเรื่องใหญ่ หากรู้สึกว่าการได้ยินไม่ปกติ ควรรีบพบแพทย์เฉพาะทาง เพื่อตรวจประเมินและรับคำแนะนำอย่างเหมาะสม

