ผ่าตัดบายพาส ในวัย 66 ปี ประสบการณ์ผ่าตัดที่มาพร้อมความกล้าหาญและเชื่อมั่น
Patient Stories ตอนนี้ เป็นเรื่องราวการรักษาภาวะเส้นเลือดหัวใจตีบ ประสบการณ์ตรงของคุณ Ferdous Ali Khan นักธุรกิจวัย 66 ปี เจ้าของร้านตัดสูท The Ferdous Tailors & Fabrics ในกรุงธากา (Dhaka) เมืองหลวงของบังคลาเทศ
ย้อนไปในช่วงปี 2013 คุณ Ferdous เคยเข้ารับการทำบอลลูน รักษาเส้นเลือดหัวใจตีบ ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในบังคลาเทศ แต่หลังจากนั้น เขายังคงมีความกังวลอยู่ไม่น้อย
อาการหอบเหนื่อย สัญญาณอันตรายของหัวใจ
การได้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีเหมือนเดิม สามารถออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมที่ชอบ เป็นสิ่งที่คุณ Ferdous คาดหวังอย่างมาก เขาตัดสินใจเดินทางมาประเทศไทยและได้พบกับ รศ.นพ. สุวัจชัย พรรัตนรังสี แพทย์เฉพาะทางด้านหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งขณะนั้นคุณหมอออกตรวจที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ก่อนจะย้ายมาอยู่ที่ศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลเมดพาร์ค ในปัจจุบัน
“คุณ Ferdous เป็นคนไข้เก่าที่ผมดูแลมานานหลายปีแล้วครับ เขาเข้ามาปรึกษากับผมตั้งแต่ปี 2013 รักษาโดยการกินยามาตลอด จนกระทั่งปี 2019 เขามีอาการเหนื่อย ๆ ก็เลยฉีดสีดูความผิดปกติของหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งก็พบว่าหลังจากที่เขาทำบอลลูนมาจนถึงตอนนั้น เส้นเลือดยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก เส้นเลือดด้านหน้าก็ยังตีบแค่ 20-30% ก็เลยรักษาโดยการให้ยา ประคับประคองไปก่อน ผมบอกเขาไว้ตั้งแต่ตอนที่เจอกันครั้งแรก ๆ แล้วว่า ตอนนี้ยังพอรักษาโดยการกินยาได้ แต่ในอนาคตมีโอกาสที่จะต้องทําบายพาส ก็คือ ผ่าตัดทำทางเบี่ยงเส้นเลือดหัวใจ” คุณหมอเล่าคร่าว ๆ เกี่ยวกับการรักษาที่ผ่านมา
จนกระทั่งปี 2025 คุณ Ferdous เริ่มมีอาการเหนื่อยมากขึ้น เขากลับมาประเทศไทยเพื่อตรวจติดตามอาการ หลังจากแพทย์ได้ทำการฉีดสี ก็แนะนำว่าควรทำบายพาส ซึ่งเป็นไปตามที่ รศ.นพ. สุวัจชัย เคยคาดการณ์เอาไว้
การผ่าตัดบายพาส ที่มาพร้อมความเชื่อมั่นในทีมแพทย์
การผ่าตัดบายพาสหัวใจ หรือ การผ่าตัดต่อหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Bypass Grafting: CABG) เป็นวิธีการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบหรืออุดตันอย่างรุนแรงหลายหลอดพร้อมกัน โดยแพทย์จะนำหลอดเลือดจากส่วนอื่นของร่างกายที่มีความแข็งแรง มาทำทางเดินหลอดเลือดหัวใจใหม่ เชื่อมต่อกันระหว่างหลอดเลือดแดงเอออร์ต้า (Aorta) และหลอดเลือดแดงโคโรนารี (Coronary artery) เบี่ยงเลือดให้ไหลข้ามบริเวณหลอดเลือดหัวใจที่ตีบตัน เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้สะดวกขึ้น
คนไข้โรคหัวใจหลายคน พอได้ยินคำว่า “ผ่าตัด” อาจจะหวาดกลัวและกังวลไปต่าง ๆ นานา แต่สำหรับคุณ Ferdous แล้วนั้น สิ่งที่ให้ความสำคัญหลัก ๆ แล้วคือ ความเชี่ยวชาญของแพทย์ เขาต้องการความมั่นใจอย่างยิ่ง ว่าการผ่าตัดครั้งนี้จะผ่านไปอย่างราบรื่นปลอดภัย จึงพยายามหาช่องทางติดต่อกับ รศ.นพ. สุวัจชัย เพื่อขอคำปรึกษาเพิ่มเติม และได้นัดหมายเข้ามาที่ ศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลเมดพาร์ค
“พอมาเจอกันอีกทีที่เมดพาร์ค ผมก็ได้ทำการฉีดสีใหม่อีกครั้ง ก็พบว่าเส้นเลือดมีการตีบมากกว่าเดิมพอสมควรเลยครับ ผมจึงเชิญคุณหมอสุพิชฌาย์ซึ่งเป็นหมอทีมเดียวกัน มีความเชี่ยวชาญด้านการทำบายพาส และเคยดูแลเคสที่ผ่าตัดด้วยกันมาก่อน ให้เข้ามาดูแลเคสนี้ เราพูดคุยแผนการรักษาร่วมกันกับคนไข้ ซึ่งคนไข้ก็ค่อนข้างไว้ใจและมั่นใจว่าผมได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้เขาครับ”
หลังจาก รศ.นพ. สุวัจชัย ได้แนะนำให้รู้จักกับ นพ. สุพิชฌาย์ วงศ์มณี ศัลยแพทย์หัวใจ เฉพาะทางด้านการผ่าตัดโรคหัวใจและทรวงอก ทั้งสองท่านได้วางแผนการรักษา พร้อมอธิบายขั้นตอนการผ่าตัด จนทำให้คุณ Ferdous รู้สึกไว้วางใจและมั่นใจมากขึ้น
ทางเบี่ยงเส้นเลือดหัวใจ รักษาชีวิต
เคสนี้ นพ. สุพิชฌาย์ ได้ทำการผ่าตัดบายพาสหัวใจ (CABG) เพื่อการรักษาแบบ Complete revascularization เพื่อผลการรักษาที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นการผ่าตัดที่มีความซับซ้อน และจำเป็นต้องดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
“หากวิเคราะห์จากตําแหน่งของเส้นเลือดร่วมกับความตีบของเส้นเลือดแล้วเนี่ย ถือว่ายากกว่าเคสอื่นนิดหน่อยครับ เส้นเลือดที่ตีบอยู่ในตําแหน่งที่ไม่ได้ต่อได้ง่าย ๆ หลังจากปรึกษากับทีมแล้วก็มีความเห็นร่วมกันว่า เราจะทําบายพาสและเชื่อมต่อเส้นเลือดแดงให้ได้มากที่สุด เรียกว่า Complete revascularization ทำทุกจุดที่เราสามารถทำได้ เคสนี้อย่างน้อย 4 ตำแหน่ง เพื่อให้กล้ามเนื้อหัวใจกลับมาทํางานได้ และเพื่อให้ได้ผลการรักษาที่ดีในระยะยาว สามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้นาน ๆ ไปอีกเป็น 20 ปี”
แม้จะมีความซับซ้อน แต่ด้วยเทคโนโลยีการผ่าตัดที่มีความทันสมัย จึงช่วยให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย ลดการกระทบกระเทือนต่อเส้นเลือดและอวัยวะข้างเคียงได้เป็นอย่างดี
“ผมตัดสินใจผ่าตัดที่นี่ไปเลยดีกว่า เพราะการเดินทางไป-กลับ บังคลาเทศกับกรุงเทพฯ นั้น ต้องใช้เวลานาน และอาจไม่สะดวก ผมเองก็เป็นคนที่กล้าหาญอยู่แล้ว การผ่าตัดไม่ใช่เรื่องน่ากลัวสำหรับผมครับ ผมคิดเสมอว่าเมื่อถึงเวลาต้องทำก็ไม่มีอะไรต้องกลัว ปี 1985 ผมก็เคยผ่าตัดริดสีดวงทวารที่โรงพยาบาล Holy Family มาแล้ว การผ่าตัดบายพาสครั้งนี้ ผมเคยได้ยินมาว่าต้องใช้เวลา 7-8 ชั่วโมง แต่คุณหมอสุวัจชัยบอกว่าทีมศัลยแพทย์ของท่าน สามารถผ่าตัดให้เสร็จได้ภายใน 2 ชั่วโมง 30 นาที เป็นการผ่าตัดใหญ่ที่ทุกอย่างราบรื่นกว่าที่คิดไว้มากครับ ผมไม่ค่อยรู้สึกเจ็บปวดเท่าไรเลย” คุณ Ferdous บอกเล่าประสบการณ์การผ่าตัดที่เพิ่งผ่านพ้นมาไม่นาน ด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเสร็จอย่างรวดเร็วนั้นก็คือเทคนิค และทีมเวิร์กที่ดี คุณหมอกล่าวเพิ่มเติมว่า การที่คนไข้ต้องพึ่งพาเครื่อง Heart-lung Machine หรือ Cardiopulmonary Bypass (CPB) เป็นเวลาสั้น จะทำให้หัวใจบาดเจ็บน้อย และสามารถฟื้นตัวได้ดีกว่าการผ่าตัดที่ใช้เวลานาน
“ด้วยเทคนิคและทีมที่ดี ทำให้การผ่าตัดไม่ต้องใช้เวลานานขนาดนั้นครับ ไม่ถึง 3 ชั่วโมง นับตั้งแต่คนไข้เข้าห้องผ่าตัดจนกลับถึง CCU โดยเราสามารถบายพาสได้ทั้งหมด 4 ตําแหน่ง ด้วยการทํา sequential grafting คือ graft หนึ่งเส้นต่อกับ coronary artery 2 ตําแหน่งได้ ซึ่งการผ่าตัดก็ผ่านไปด้วยดี ผลลัพธ์ดีมากครับ ผ่าตัดเสร็จตอนค่ำ คนไข้สามารถถอดท่อช่วยหายใจได้ตั้งแต่ผ่าตัดเสร็จ พอเช้าวันถัดมา คนไข้สามารถสั่งอาหารทานได้ ลุกขึ้นมานั่งได้ พอช่วงบ่ายก็เริ่มฟื้นฟูสมรรถภาพหัวใจ Cardiac Rehabilitation Program ซึ่งคนไข้ก็แข็งแรงมากครับ ให้ความร่วมมือค่อนข้างดี”
กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างที่ต้องการได้อีกครั้ง
การได้เห็นคนไข้มีความสุขหลังจากผ่าตัด คุณหมอก็มีความสุขไปด้วยเช่นกัน นพ. สุพิชฌาย์ ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังจากผ่าตัดรักษาเส้นเลือดหัวใจตีบ
“คนไข้เคยถามผมว่า หลังจากผ่าตัดเสร็จแล้วเนี่ย จะสามารถกลับไปตีเทนนิส ไปออกกําลังกายแบบเดิมได้ไหม ถ้าดูจากการฟื้นตัวของคนไข้แล้ว และผลการผ่าตัดที่เป็นไปตามแผน ทุกอย่างเรียบร้อยดี คิดว่าไม่นานคนไข้ก็สามารถกลับไปออกกําลังกายได้เหมือนเดิมครับ ไม่ว่าจะเป็นฟิตเนส ออกกําลังกาย ยกเวท หรือว่าบางคนก็กลับไปวิ่งมาราธอนได้ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรครับ”
“คุณหมอสุวัจชัยและทีมงานทุกท่าน โดยเฉพาะคุณหมอสุพิชฌาย์ เป็นแพทย์ที่ยอดเยี่ยมมากครับ ผมมีความสุขกับการรักษาที่นี่ ปกติผมชอบเล่นเทนนิสและออกกำลังกายแบบฟรีแฮนด์ ตอนนี้ผ่านมาเกือบ 1 เดือน 18 วันแล้ว ผมก็ยังเดินและเคลื่อนไหวได้ปกติ อาจจะรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยเพราะยังอยู่ในช่วงฟื้นตัวครับ” คุณ Ferdous กล่าวอย่างยิ้มแย้ม พร้อมฝากทิ้งท้ายสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจอีกด้วย
“จากประสบการณ์ของผม อยากบอกว่า ผู้ป่วยโรคหัวใจจำนวนมากมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งอาจทำให้เป็นอัมพาต พูดไม่ได้ หรือใบหน้าบิดเบี้ยวได้ หากตรวจพบอาการตั้งแต่เนิ่น ๆ ควรเข้ารับการผ่าตัดบายพาสหากไม่มีทางเลือกอื่น เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น หากยังไม่สามารถผ่าตัดได้ทันที ก็ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการผ่าตัดเมื่อสมควรและเหมาะสมต่อไป นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดครับ”