โรคภูมิแพ้ของเยื่อบุตาขาว Allergic Conjunctivitis

โรคภูมิแพ้ของเยื่อบุตาขาว

โรคภูมิแพ้ของเยื่อบุตาขาว หรือโรคเยื่อบุตาอักเสบภูมิแพ้ เป็นโรคที่เกิดจากร่างกายเกิดปฏิกิริยาที่ผิดปกติต่อสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ

แชร์

โรคภูมิแพ้ของเยื่อบุตาขาว

อาการตาแดง น้ำตาไหล คันหรือเคืองในตาเป็นอาการที่พบได้บ่อย หลาย ๆ ท่านเข้าใจว่าอาการดังกล่าวน่าจะเกิดจากฝุ่นละอองหรือสิ่งสกปรกเข้าสู่ดวงตา ทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุตาขาว และเกิดอาการตาแดงตามมา

อย่างไรก็ตามอาการดังกล่าว อาจเกิดได้จากสาเหตุอื่น ๆ โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคแพ้อากาศ อาการตาแดง น้ำตาไหล คัน หรือเคืองในตา อาจเกิดได้จากโรคภูมิแพ้ของเยื่อบุตาขาว ซึ่งหากผู้ป่วยได้รับการรักษาเฉพาะการติดเชื้อในดวงตาอาการต่าง ๆ ก็อาจจะไม่ทุเลาลงได้

โรคภูมิแพ้ของเยื่อบุตาขาว

โรคภูมิแพ้ของเยื่อบุตาขาว หรือโรคเยื่อบุตาอักเสบภูมิแพ้ เป็นโรคที่เกิดจากร่างกายเกิดปฏิกิริยาที่ผิดปกติต่อสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังของเยื่อบุตาขาว มักพบโรคดังกล่าวในผู้ป่วยที่เป็นโรคแพ้อากาศ

ปัจจัยที่เป็นสาเหตุส่งเสริม

  • ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์
  • โรคตาแห้ง
  • โรคต้อหิน
  • โรคต่อมไขมันที่เปลือกตาอักเสบ
  • โรคตาใด ๆ ที่ต้องใช้ยาหยอดตาประจำทุกวัน

โรคนี้เป็นทั้งในเด็กและผู้ใหญ่

โรคภูมิแพ้ของเยื่อบุตาขาวสามารถพบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยพบได้ตั้งแต่เด็ก อายุ 2 ปี ไปจนถึงผู้ใหญ่อายุ 60 ปี อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ของเยื่อบุตาขาวมักเป็นโรคแพ้อากาศ รวมถึงมีบิดาหรือมารดาเป็นโรคภูมิแพ้ร่วมด้วย

อาการของโรคภูมิแพ้ของเยื่อบุตาขาว

ผู้ป่วยจะมีอาการตาแดง น้ำตาไหล คันหรือเคืองในตา ขี้ตามีลักษณะใสหรือสีขาวขุ่น อาการดังกล่าวมักจะเป็นกับตาทั้งสองข้าง โดยทั่วไปผู้ป่วยจะมีเปลือกตาและการมองเห็นเป็นปกติ รวมถึงผู้ป่วยอาจมีอาการร่วมอย่างอื่น ๆ ของโรคแพ้อากาศ เช่น อาการคันจมูก จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล เป็นต้น อาการต่าง ๆ เหล่านี้มักเป็นเรื้อรัง และผู้ป่วยส่วนใหญ่ จะมีอาการมากในช่วงหัวค่ำหรือเช้ามืด หากมีการติดเชื้อแบคทีเรียของเยื่อบุตาขาวร่วมด้วย ผู้ป่วยจะมีอาการปวดแสบปวดร้อนในตา น้ำตาจะเปลี่ยนจากลักษณะน้ำใสเป็นหนอง และมักจะมีการอักเสบของเปลือกตาร่วมด้วย อาการเหล่านี้มีความรุนแรงแตกต่างกันออกไปในแต่ละคน ตั้งแต่เป็นน้อยจนถึงรุนแรงมาก ก่อให้เกิดความรำคาญ และมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

การรักษาโรคภูมิแพ้ของเยื่อบุตาขาว

  • ยาภูมิแพ้ชนิดรับประทาน ยาภูมิแพ้มีคุณสมบัติในการช่วยลดอาการจาม คันจมูก น้ำมูกไหล หรืออาการคันตาในปัจจุบันยาภูมิแพ้ มีพัฒนาการที่ดี สามารถรับประทานวันละ 1 ครั้ง และไม่มีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการง่วงระหว่างวัน ยามีในรูปแบบยาเม็ดและยาน้ำ สะดวกในการเลือกใช้กับผู้ป่วยเด็กในแต่ละช่วงอายุ
  • ยาภูมิแพ้ชนิดหยอดตา ใช้รักษากรณีที่การรับประทานยาไม่สามารถควบคุมอาการของผู้ป่วยได้ โดยทั่วไปผู้ป่วยควรใช้หยอดตาวันละ 2 - 4 ครั้ง และควรเก็บยาไว้ที่อุณหภูมิตู้เย็น เพื่อคงสภาพยาและการใช้ยาหยอดตาที่เย็น จะสามารถช่วยลดอาการทางตาของผู้ป่วย อย่างไรก็ตามยามีอายุเพียง 1 เดือน ภายหลังการเปิดใช้รวมถึงการรักษาโรคแพ้อากาศที่ดี สามารถลดอาการทางตาของผู้ป่วยได้ โดยอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้หยอดตา

วิธีการหยอดตาผู้ป่วยเด็ก

    1. ให้ผู้ป่วยเอนศีรษะไปทางด้านหลังเล็กน้อย และดึงเปลือกตาด้านล่างลง ให้ผู้ป่วยเหลือบตาขึ้นด้านบน และหยอดยาหยอดตาลงไปตรง ๆ โดยพยายามไม่ให้บริเวณปลายหลอดสัมผัสกับส่วนใด ๆ ของตา
    2. ปิดตา 1-2 นาที โดยใช้นิ้วมือกดเบา ๆ บริเวณหัวตาทางด้านใน เพื่อป้องกันการไหลของยาลงสู่บริเวณโพรงจมูกไม่ควรนวดหรือขยี้ตาภายหลังการหยอดยา
  • น้ำตาเทียมล้างตา เพื่อชะล้างสารก่อภูมิแพ้ การใช้น้ำตาเทียมจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ดวงตา และยังเป็นการชะล้างสารก่อภูมิแพ้ หรือสารระคายเคืองต่าง ๆ ภายในดวงต
  • ประคบตาด้วยผ้าเย็นเพื่อลดอาการบวม การประคบตาด้วยความเย็นจะช่วยลดอาการคันตาและช่วยลดอาการบวมของเยื่อบุตาขาวได้

    ข้อสรุป

    ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นโรคภูมิแพ้ของเยื่อบุตาขาวแต่เพียงโรคเดียว มักจะเป็นร่วมกับโรคแพ้อากาศ ซึ่งการควบคุมอาการของโรคแพ้อากาศได้ดี จะสามารถทำให้อาการทางตาของผู้ป่วยดีขึ้นได้ กรณีผู้ป่วยที่มีอาการของโรคภูมิแพ้ของเยื่อบุ

    ตาขาวที่รุนแรง อาจมีความจำเป็นต้องใช้ยาหยอดตาในกลุ่มสเตียรอยด์ ซึ่งควรอยู่ในความดูแลของจักษุแพทย์ เพื่อติดตามผลข้างเคียงจากการใช้ยาสเตียรอยด์ที่อาจพบได้ เช่น โรคต้อกระจก หรือต้อหิน เป็นต้น




    บทความโดย
    นพ.ปรีดา สง่าเจริญกิจ

    แพทย์ผู้ชำนาญการด้านกุมารเวชศาสตร์โรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน
    ประวัติแพทย์ คลิก

    เผยแพร่เมื่อ: 21 ธ.ค. 2022

    แชร์