หมอมะเร็ง ผู้ดูแลคนไข้ในทุก ๆ ระยะ เพื่อคุณภาพชีวิตดีที่สุด
“มะเร็งระยะสุดท้าย” คำที่สร้างความหวาดกลัวให้ผู้ป่วยและคนใกล้ชิดของผู้ป่วย แต่หลายคนอาจลืมไปว่า เทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบัน ได้เพิ่มโอกาส ให้ความหวัง ช่วยยืดอายุ แก่ผู้ป่วยที่อยากมีชีวิตต่อไปได้นานขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดี แน่นอนว่า โรคที่ท้าทายเช่นนี้ ย่อมต้องการ หมอมะเร็งเก่ง ๆ ด่านหน้าที่จะเข้ามาดูแล และช่วยเหลือผู้ป่วยในทุกระยะ
หมอมะเร็ง คือ หนึ่งในสาขาแพทย์ที่มักต้องดูแลคนไข้คนเดิมต่อเนื่องนานมาก ๆ กินเวลาหลายปี และในบางกรณีก็จวบจนผู้ป่วยจากโลกนี้ไป หมอมะเร็งจึงเหมือนเพื่อนร่วมทางที่จะช่วยประคับประคอง และก้าวไปด้วยกันกับผู้ป่วย บนเส้นทางการรักษาที่มุ่งหมายให้ราบรื่นที่สุดเท่าที่จะทำได้
MedPark Stories ตอนนี้ อยู่กับ พญ.ศิยามล มิ่งมาลัยรักษ์ อายุรแพทย์มะเร็งวิทยา ที่จะมาแชร์ประสบการณ์การรักษาโรคมะเร็ง พร้อมเปิดเผยแง่มุมไลฟ์สไตล์ที่เป็นตัวช่วยสร้างความสุข ผ่อนคลาย ยามที่ต้องเผชิญกับความตึงเครียด

หมอมะเร็งเก่ง ๆ ต้องรักษาแบบองค์รวม อยู่กับผู้ป่วยตั้งแต่ต้นจนจบ
หมอมะเร็ง จะมุ่งเน้นการรักษาแบบองค์รวมและบูรณาการ เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของการรักษา จุดเด่นตรงนี้เองที่ทำให้คุณหมอเลือกสาขามะเร็งวิทยา เพราะคอนเส็ปต์การรักษาค่อนข้างตรงกับที่สนใจ
“หมอมะเร็ง สามารถดูแลคนไข้ตั้งแต่ต้นจนจบของชีวิตเขา เรียกได้ว่าดูแลกันแบบไม่เราก็เขาเสียชีวิตกันไปข้างหนึ่ง การที่ต้องดูแลผู้ป่วยต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน เหมือนการจับมือสู้ไปด้วยกัน”
หลายรายรักษาให้หายขาดได้ แต่บางรายที่ระยะของโรคดำเนินมามากแล้ว ก็พยายามช่วยดูแลให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตอยู่ได้นานและมีคุณภาพที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งหมดเป็นภารกิจที่คุณหมอศิยามลต้องทำให้ได้ในฐานะหมอมะเร็ง
“โรคมะเร็งเป็นโรคที่ท้าทายมาก ท้าทายตั้งแต่การสร้างความเข้าใจตัวโรคให้กับผู้ป่วยค่ะ บางคนพอทราบว่าเป็นก็แทบจะปฏิเสธการรักษาในทันทีเลยด้วยซ้ำ เพราะกลัวกระบวนการรักษาที่จะทำให้ชีวิตเขาย่ำแย่ ซึ่งงานของหมอมะเร็งเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ คือต้องโน้มน้าวให้ผู้ป่วยยอมเข้าสู่ระบบการรักษาให้ได้”
มะเร็งไม่ใช่จุดจบ ตรวจพบเร็ว ยิ่งมีโอกาส รักษามะเร็ง หายขาดสูง
“โรคมะเร็ง เป็นโรคที่คนเป็นกันทั่วโลก แน่นอนว่าองค์ความรู้ เทคโนโลยีการรักษาต่าง ๆ มีอัปเดตใหม่ทุกวันค่ะ หมอเองก็ต้องตามให้ทัน เรียนรู้ข้อมูลใหม่ ๆ และนำสิ่งใหม่ ๆ เหล่านั้น มาปรับใช้และรักษาผู้ป่วยของเรา”
คุณหมอบอกว่า โรคมะเร็งก็เหมือน ๆ กับโรคอื่น ๆ มีชนิดที่รักษาให้หายขาดได้ไม่ต่างจากการผ่าตัดไส้ติ่ง และชนิดหรือระยะที่เป็นแล้วแพร่กระจาย หรือเป็นร่วมกับโรคเรื้อรังที่เป็นโรคประจำตัวของผู้ป่วยอยู่ก่อน การดูแลก็จะแตกต่างกันไป แพทย์ก็ต้องวางแผนการดูแลรักษาให้เหมาะสมในผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งอาจมีรายละเอียดต่างกันเล็กน้อยไปจนถึงมาก
“คนที่รู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งแล้วรู้สึกสิ้นหวัง ฉันต้องตายวันนี้ มันไม่จริงเลยค่ะ ผู้ป่วยโรคนี้ไม่ได้อายุสั้นปุบปับ ส่วนใหญ่ก็อยู่กันนานเลย เพราะมันมีวิธีรักษามากมายที่จะช่วยให้หาย หรือยืดอายุผู้ป่วยได้เหมือนกัน”
หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า ความก้าวหน้าทางการแพทย์ สามารถรับมือกับโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าแต่ก่อนมาก ตั้งแต่การตรวจคัดกรอง วินิจฉัยโรคได้เร็ว ทั้งการตรวจเลือด รังสีวินิจฉัย รวมไปถึงการตรวจยีนมะเร็ง ที่สามารถบอกได้ว่าโอกาสที่จะเกิดมะเร็งอะไรบ้าง และควรวางแผนรับมืออย่างไรตั้งแต่ยังไม่ได้เป็น เพราะโรคมะเร็งเป็นโรคที่ตรวจเจอเร็ว โอกาสรักษาให้หายขาดก็สูงตามไปด้วยนั่นเอง
“ส่วนการรักษา การผ่าตัดก็มีตัวเลือกมากขึ้นค่ะ อย่างการผ่าตัดแผลเล็ก ที่เจ็บตัวน้อย พักฟื้นก็ไว ยารักษาที่ในปัจจุบันมีสูตรใหม่ ๆ ตลอด เรียกว่าแทบจำชื่อกันไม่หมดแล้วค่ะ และยิ่งมีการวิจัยสูตรยาใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น แน่นอนว่าการใช้ยารักษาก็จะมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ครอบคลุมมะเร็งหลายชนิดมากขึ้น อะไรที่เคยยากก็ง่ายขึ้น
“อีกอย่าง ผลข้างเคียงต่าง ๆ ก็ลดลง แพทย์มีวิธีรับมือกับผลข้างเคียงเหล่านั้นได้ดีขึ้น ให้ยาแก้อาการที่ช่วยบรรเทาอาการได้ดีมาก ๆ ผู้ป่วยบางรายหลังให้เคมีบำบัด พอได้ยาแก้อาเจียน ก็ไม่รู้สึกคลื่นไส้หรืออยากอาเจียนเลยค่ะ อาหารเสริมทางการแพทย์ก็มีสูตรเยอะแยะ นำมาปรับให้ผู้ป่วยในกรณีมีอาการเบื่ออาหาร ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอไปตลอดการรักษาได้ ไม่มีปัญหา”
เมดพาร์ค รักษามะเร็ง อย่างครอบคลุม มีทุกอย่างที่จะช่วยเหลือผู้ป่วย
ในฐานะอายุรแพทย์ด้านโรคมะเร็งวิทยา คุณหมอศิยามลได้อธิบายว่า ที่โรงพยาบาลเมดพาร์คมีข้อได้เปรียบ ตรงที่มีครบทุกอย่างที่ผู้ป่วยมะเร็งคนหนึ่งจะต้องการ อาทิ เครื่องมือ อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีเทคโนโลยีอัปเดตอยู่เสมอ มีแพทย์เฉพาะทางและบุคลากรสหวิชาชีพที่มากประสบการณ์
“เมื่อมีทุกอย่างพร้อม จึงไม่มีข้อจำกัดในการตรวจวินิจฉัย การวางแผนการรักษา และดูผู้ป่วยภายใต้เงื่อนไขต่าง ๆ ผู้ป่วยมีโอกาสได้รับการรักษาที่เหมาะสมกับตนเอง มีโอกาสรักษาคุณภาพชีวิต รักษาชีวิตได้ และมะเร็งก็จะกลายเป็นแค่ความเจ็บป่วยหนึ่งที่รับมือได้ ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลค่ะ”
นอกจากความพร้อมในทุกด้าน ที่ขาดไม่ได้เลยคือความเข้าอกเข้าใจ หมอมะเร็ง ต้องเข้าหาผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยด้วยความเข้าใจ ความกังวล หวาดกลัว ย่อมเกิดขึ้นได้ หน้าที่ของหมอคือต้องสามารถโน้มน้าว และให้ข้อมูลผู้ป่วยด้วยความเข้าใจ
“เพราะในวันที่ผู้ป่วยตัดสินใจรับการรักษา นั่นเท่ากับว่าเขาตัดสินใจฝากชีวิตไว้กับหมอค่ะ”

หมอรักษามะเร็ง เครียดแค่ไหน ก็ฮีลได้ด้วยงานอดิเรก
งานรักษาโรคมะเร็งเป็นงานซับซ้อน ต่อเนื่อง และมีความเครียดสูง แน่นอนว่าคุณหมอย่อมต้องหางานอดิเรกทำยามว่างตามความถนัด และนอกเหนือจากหน้าที่ดูแลและรักษาผู้ป่วยมะเร็ง คุณหมอมีไลฟ์สไตล์ค่อนข้างเรียบง่าย เช่น การทำอาหาร ทำขนม เครื่องดื่ม เย็บผ้า ปลูกต้นไม้
“พอเห็นคลิปสอนทำใน TikTok ก็ชอบนำมาทำตามค่ะ เคยใฝ่ฝันนะ ว่าอยากมีแบรนด์อาหารเป็นของตัวเอง แต่ด้วยไม่ค่อยมีเวลา บวกกับไม่มีประสบการณ์ด้านธุรกิจ จึงไม่ได้นำมาทำเป็นอาชีพจริงจังค่ะ”
นอกจากนั้น งานฝีมือ การทำอาหาร ยังช่วยสร้างสมาธิ จดจ่อกับงานในมือ จนเมื่อสำเร็จก็จะมีความสุข ภูมิใจ หากชิ้นงานออกมาดี อาหารที่ทำออกมาอร่อย ก็เสริมสร้างความมั่นใจ ความพึงพอใจได้นั่นเอง
เมื่อถามว่ามีอะไรจะทิ้งท้ายให้ผู้ที่เพิ่งรู้ตัวว่าป่วยเป็นมะเร็ง หรือญาติผู้ป่วยที่กำลังเป็นกังวล คิดไม่ตก ลังเลที่จะรักษาไหม คุณหมอศิยามลจึงเน้นย้ำก่อนการสัมภาษณ์จะสิ้นสุดว่า
“มะเร็งไม่ได้เป็นแล้วเสียชีวิตทันที โรคนี้จะแบ่งเป็นระยะ ซึ่งระยะต้น ๆ มีโอกาสรักษาหายขาด ส่วนถ้าใครที่ต้องทำเคมีบำบัด ระยะเวลาการให้ยาก็ไม่ได้ยาวนานตลอดทั้งชีวิต เพราะใช้เวลาประมาณ 6 เดือนเท่านั้น ผลข้างเคียงก็ไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อก่อน ให้คิดว่าหากเรายังอยากมีชีวิตอยู่ไปอีก 7-10 ปี ยังอยากทำนั่นทำนี่ ใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ขอเวลาแค่ 6 เดือนเพื่อให้หมอดูแล เชื่อหมอเถอะ ว่าเผลอแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว การปฏิเสธการรักษา อาจทำให้เราพลาดโอกาสที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีไปอีกหลายปีค่ะ”
เพราะโรคมะเร็ง มีแนวโน้มจะรักษาและรับมือได้ง่ายขึ้น โอกาสรอดสูงขึ้น จึงไม่มีเหตุผลให้สิ้นหวัง