ประสบการณ์รักษา มะเร็งท่อนำไข่ ด้วยการแพทย์แม่นยำ
โรคมะเร็งนรีเวช นับเป็นศัตรูของผู้หญิงทั่วโลก และเมื่อมะเร็งแฝงมากับพันธุกรรม แม้จะดูแลสุขภาพของตัวเองได้ดีแค่ไหน ก็ยังเป็นความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ 'คุณส้ม-พูนศรี' ในวัย 40 ปี ต้องเผชิญกับ “มะเร็งท่อนำไข่” แต่ด้วยพลังของเทคโนโลยีทางการแพทย์ ได้พลิกผันวิกฤตให้เธอกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างสดใสอีกครั้ง เรื่องราวของคุณส้มจะเป็นอย่างไร ตามไปค้นหาคำตอบพร้อมกันในบทความนี้…
พบ 'ก้อนปริศนา' ในช่องท้อง...
คุณส้มไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติอะไรมาก่อน จนกระทั่งคืนหนึ่งเกิดอาการปวดท้องร้าวลามไปถึงหลัง
“ตอนแรกคิดว่าปวดประจำเดือนแต่มันปวดนาน นอนพักก็ไม่หาย จึงไปโรงพยาบาลใกล้บ้าน หลังจากคุณหมอฉีดยาให้ อาการมันดีขึ้น แต่ก็กลับมาปวดใหม่ จึงได้ไปทำ CT Scan ถึงได้พบก้อนในช่องท้องส่วนล่าง”
นอกจากก้อนในช่องท้องส่วนล่างแล้ว ยังมีก้อนใน ‘ช่องท้องส่วนบน’ ที่มีขนาดใหญ่กว่าด้วย ซึ่งตอนนั้นแพทย์ยังไม่ยืนยันว่าก้อนที่พบนั้นเป็นเนื้อร้ายหรือไม่
“เราเป็นคนที่มองหา Second Opinion อยู่แล้ว เลยเลือกที่จะไปโรงพยาบาลอื่นอีกสองแห่ง แม้จะยังไม่ได้ข้อสรุปว่าเป็นมะเร็งหรือไม่ แต่ก็ได้รับคำแนะนำว่าควรผ่าตัดออก”
“ซึ่งทั้งสองโรงพยาบาลสามารถผ่าก้อนข้างล่างได้ แต่ยังไม่ได้สรุปว่า จะสามารถผ่าก้อนข้างบนออกได้หรือไม่ เนื่องจากอยู่ในตำแหน่งที่อยู่บนเส้นเลือดใหญ่ในช่องท้องด้านบนซึ่งอันตรายและผ่ายาก เราเลยต้องมามองหาโรงพยาบาลที่สี่ ที่จะสามารถดูแลเราได้ทั้งหมด ทำให้เราได้มาที่เมดพาร์คค่ะ”
จากความไม่แน่นอน สู่ความหวังในการรักษามะเร็ง
เมื่อมาที่โรงพยาบาลเมดพาร์ค นพ.สุดปรีดา ชัยนิธิกรรณ อายุรแพทย์มะเร็งวิทยา ได้พิจารณาประวัติการตรวจรักษาจากโรงพยาบาลก่อนหน้า รวมทั้งตรวจเช็คข้อมูลและซักประวัติเพิ่มเติม พบว่าครอบครัวของคุณส้มมีประวัติเป็นมะเร็งหลายราย จึงวางแผนตรวจยีนเพื่อค้นหาพันธุกรรมมะเร็ง จึงนำข้อมูลไปปรึกษา สูตินรีแพทย์ เฉพาะทางด้านมะเร็งวิทยานรีเวช ศ.พญ.ศิริวรรณ ตั้งจิตกมล เพื่อวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม และให้คำปรึกษาว่า
“ก้อนข้างล่าง ผ่าเอาออกได้ ไม่มีปัญหา แต่ก้อนข้างบน ผ่าเอาออกยาก มีความเสี่ยงสูง จึงมีทางเลือกในการรักษา คือ ผ่าตัดส่องกล้องเพื่อประเมินว่าจะผ่าตัดก้อนออกได้หรือไม่ ถ้ามีอันตรายหรือผ่าเอาก้อนออกได้ไม่หมด จะตัดชิ้นเนื้อเพื่อวินิจฉัยทางพยาธิวิทยา ตามด้วยยาเคมีบำบัดเพื่อให้ก้อนยุบลงแล้วจึงผ่าตัด หรือ ผ่าตัดเลยโดยพยายามเอาก้อนออกเพื่อวินิจฉัยและเป็นการรักษาตามมาตรฐาน คุณหมอทั้งสองท่านได้วางแผนการตรวจอย่างละเอียด เพื่อความปลอดภัยของเรามากที่สุด” คุณส้มเล่า
เนื่องจากคุณหมอศิริวรรณได้ทำการทบทวนผลและภาพจาก CT Scan พบว่า ยังไม่ได้รายละเอียดเพียงพอ โดยประเมินว่า “ลักษณะก้อนที่ปีกมดลูกมีขนาดเล็กกว่าก้อนที่ช่องท้องด้านบน ซึ่งปกติก้อนปฐมภูมิจะใหญ่กว่า และแทบไม่ค่อยมีรอยโรคแพร่กระจายในช่องท้อง ซึ่งค่อนข้างแปลกสำหรับมะเร็งของรังไข่หรือท่อนำไข่” จึงได้ส่งตรวจ MRI ช่องท้องซึ่งสามารถตรวจดูลักษณะก้อนในตำแหน่งต่าง ๆ ได้ชัดเจนกว่า CT Scan รวมทั้งได้เชิญ ศัลยแพทย์ นพ.ชินวัตร วิสุทธิแพทย์ มาร่วมประเมินเพื่อวางแผนการรักษาอย่างละเอียดอีกครั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งการผ่าตัดก้อนในช่องท้องด้านบน โดยคุณหมอทั้ง 2 ท่านประเมินและคาดว่าน่าจะสามารถผ่าตัดได้ จึงให้คำปรึกษาและทำการผ่าตัด โดยจะทำการตรวจทางพันธุกรรมด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งยีน BRCA 1
พลังแห่งทีมเวิร์ค ผ่าตัดมะเร็งท่อนำไข่ เคสยากและท้าทาย
ในวันผ่าตัด ทีมแพทย์ซึ่งประกอบไปด้วย ศ.พญ.ศิริวรรณ และ นพ.ชินวัตร ได้ผนึกกำลังในการผ่าตัดอย่างรอบคอบ ละเอียดถี่ถ้วน แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือและความเชี่ยวชาญของทีม ทำให้การรักษามะเร็งท่อนำไข่ สามารถดำเนินการต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ตัวหมอนรีเวชจะเชี่ยวชาญบริเวณช่องท้องด้านล่างโดยตัดมดลูกและปีกมดลูกที่มีก้อนมะเร็งออกได้แต่ไม่ชำนาญการผ่าตัดก้อนด้านบนที่มีขนาดใหญ่อยู่ชิดเส้นเลือดแดง และเส้นเลือดดำใหญ่ ซึ่งทำได้ยากและอันตราย โชคดีที่ได้รับความร่วมมือจากอาจารย์ชินวัตร ที่เชี่ยวชาญผ่าตัดช่องท้องทุกส่วน จึงสามารถผ่าเอาก้อนออกได้ทั้งหมดอย่างปลอดภัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งก้อนมะเร็งที่อยู่บนเส้นเลือด ไม่แตกและไม่มีอันตรายต่อเส้นเลือดเลยค่ะ” คุณหมอศิริวรรณเล่า
ทางด้านคุณหมอสุดปรีดาอธิบายรายละเอียดการวางแผนการรักษาหลังจากการผ่าตัดไว้ว่า
“หลังจากผ่าตัดก้อนมะเร็งออกไปได้หมดแล้ว งานต่อไปคือ การให้ยาเพื่อป้องกันไม่ให้มะเร็งกลับมาครับ แต่ด้วยผลตรวจพันธุกรรมพบว่าผู้ป่วยมีพันธุกรรมมะเร็ง BRCA 1 ก็ต้องปรับเพิ่มยาให้เหมาะสม และต้องเฝ้าระวังมะเร็งอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งตับอ่อน ต้องไม่ประมาท เพราะมีโอกาสเกิดได้ทุกเมื่อครับ”
ควบคุมมะเร็ง ด้วยเคมีบำบัด และยามุ่งเป้า
หลังผ่าตัดเสร็จ คุณหมอศิริวรรณลงความเห็นว่าต้องให้เคมีบำบัดเลย ซึ่งทางคุณหมอสุดปรีดาก็จะเข้ามาดูแลวงจรของการให้ยาอย่างเหมาะสม และต่อด้วยการให้ยามุ่งเป้า ที่เฉพาะเจาะจงกับผู้ป่วยมะเร็งที่มีพันธุกรรมมะเร็ง BRCA 1
“คุณหมอได้มาคุยถึงแผนการรักษา ให้เคมีบำบัดนานแค่ไหน ต่อด้วยยามุ่งเป้าอีกนานเท่าไร วางแผนติดตามผล ตรวจสุขภาพ เพื่อเช็คความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งอื่น ๆ ซึ่งผลล่าสุดค่อนข้างดี ไม่มีอะไรน่ากังวล จากตอนแรกที่ดูเหมือนว่าที่เราเป็นค่อนข้างซับซ้อน จัดการยาก แต่คุณหมอหลายสาขามาช่วยกันจนทุกอย่างราบรื่น” คุณส้มเล่า
ในวันที่คุณส้มให้สัมภาษณ์กับทีมงานนั้น ได้ผ่านขั้นตอนการการให้เคมีบำบัดไปเรียบร้อยแล้ว เหลือแค่การให้ยามุ่งเป้าตามกำหนด คุณส้มพูดถึงผลข้างเคียงที่เจอ คือ อาการตัวรุม ๆ ชาตามมือเท้า ปวดกล้ามเนื้อ ผมร่วง แต่ไม่มีอาการคลื่นไส้ ซึ่งคุณหมอสุดปรีดาได้ให้ยา และให้ออกกำลังกายเบา ๆ เช่น ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ เพื่อลดอาการปวดที่รบกวนการใช้ชีวิต
“ผลของการให้ยา ผลเลือด และค่าต่าง ๆ ของผู้ป่วยค่อนข้างดีครับ มีโอกาสที่จะรักษาจนหายได้ แต่ก็ต้องคอยติดตามและเฝ้าระวังมะเร็งอื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงจะเกิดได้เหมือนกัน นอกจากเราจะรักษาโรคที่เป็นอยู่ปัจจุบันแล้ว ก็อยากจะดูแลให้เขาปลอดภัยจากโรคในอนาคตด้วย ซึ่งเทคโนโลยีทางการแพทย์และพันธุกรรมศาสตร์สามารถทำนายได้ครับ” คุณหมอสุดปรีดาเน้นย้ำ
'ความใส่ใจ' ที่สัมผัสได้... ทุกขั้นตอนที่เมดพาร์ค
คุณส้มบอกเล่าความประทับใจ ประสบการณ์ที่ดี ไม่ว่าจะเป็นการวินิจฉัยที่รวดเร็ว มีการปรึกษาหารือและการทำงานร่วมกันของแพทย์ทุกสาขาที่เกี่ยวข้อง การดูแลอย่างเต็มความสามารถของเจ้าหน้าที่ พยาบาล ที่เต็มใจให้บริการ ช่างสังเกต ใส่ใจ ตลอดเวลาที่ได้เข้ามารักษา
ศักยภาพของโรงพยาบาลเมดพาร์ค ที่มีศูนย์โรคมะเร็งครบวงจร เพรียบพร้อมทั้งด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์อันทันสมัยและทีมบุคลากรเฉพาะทางที่ครอบคลุมทุกสาขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของคุณส้ม ซึ่งต้องอาศัยความเชี่ยวชาญด้าน มะเร็งวิทยานรีเวช ศัลยศาสตร์และพันธุศาสตร์ การผนึกกำลังของทีมแพทย์ผู้ชำนาญการเหล่านี้เอง ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กระบวนการตรวจวินิจฉัยและรักษา จนกระทั่งคุณส้มสามารถเอาชนะโรคมะเร็งท่อนำไข่ได้ในที่สุด
“ผลการรักษาในตอนนี้ เป็นที่น่าพอใจแล้วค่ะ การใช้ยาต่าง ๆ ที่คุณหมอจัดแผนไว้ให้ มีการตอบสนองดี ผลการตรวจร่างกายก็ปกติดี ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ที่เลือกมารักษาครบ จบที่นี่ที่เดียวค่ะ” คุณส้มกล่าวปิดท้าย
และนี่คืออีกหนึ่งบทพิสูจน์แห่งความก้าวหน้าทางการแพทย์ ในการรับมือกับ โรคมะเร็ง ด้วยการผสานเทคโนโลยี เข้ากับความร่วมมือของทีมแพทย์ และสหวิชาชีพ จนสามารถจัดการกับความซับซ้อนได้อย่างลงตัว ที่เมดพาร์ค
