ประสบการณ์ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม คืนก้าวเดินที่แข็งแรง เคลื่อนไหวไร้ปวด
หนึ่งในปัญหาความเสื่อมของร่างกายที่ผู้สูงวัยต้องเผชิญ คือ ปัญหาข้อเข่าเสื่อม ทำให้การเคลื่อนไหวลำบากขึ้น ทำกิจกรรม หรือออกกำลังกายได้ไม่คล่องตัวเหมือนเคย ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต และทำให้สุขภาพโดยรวมได้รับผลกระทบไปด้วย Patient Stories ในตอนนี้เป็นเรื่องราวของคุณ Joe หรือ Joseph Grunwell วัย 67 ปี ชาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทยมานานกว่า 30 ปี คุณ Joe ต้องเผชิญกับ ภาวะข้อเข่าเสื่อม และเข้ารับการรักษาที่ ศูนย์ศัลยกรรมกระดูกและข้อ โรงพยาบาลเมดพาร์ค
การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม แบบครึ่งข้อ กลายเป็นทั้งข้อ
คุณ Joe เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมแบบครึ่งข้อหรือบางส่วน (Partial Knee Replacement) ภายใต้การดูแลอย่างดีของ นายแพทย์สิริพงศ์ รัตนไชย ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ ซึ่งในเบื้องต้น จากการพิจารณาจากแพทย์ คุณ Joe มีโอกาสผ่าตัดเปลี่ยนแบบครึ่งข้อ แต่อย่างไรก็ดี ยังจำเป็นต้องพิจารณาอีกครั้ง หลังจากผ่าเข้าไป ดูในข้อเข่า หากมีการเสียหายมาก ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นผ่าตัดทั้งข้อ
“หลังจากคุณหมอผ่าเข้าไปดูในข้อเข่าของผม ก็พบว่าเอ็นไขว้หน้าหายไปทั้งหมด กระดูกอ่อนก็อยู่ในสภาพที่เสียหายมากทั้งด้านนอกและด้านในของหัวเข่า ทำให้ไม่เหมาะที่จะรักษาด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมแบบครึ่งข้อ จึงได้เปลี่ยนแผนเป็นการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมแบบทั้งข้อ ซึ่งทางทีมแพทย์ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า และได้เตรียมความพร้อมที่จะต้องเปลี่ยนเป็นการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมทั้งหมดเอาไว้แล้ว ภายในห้องผ่าตัดจึงพร้อมที่จะให้การรักษาเต็มรูปแบบครับ”
นายแพทย์สิริพงศ์อธิบายกระบวนการผ่าตัดอย่างละเอียด ตอบคำถามทุกเรื่องที่คุณ Joe เป็นกังวล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความสบายใจ
“หลังถูกพาเข้าไปในห้องผ่าตัด เป็นห้องสีขาวมีไฟส่องสว่าง ที่สว่างมากพอจะส่องทั้งสนามฟุตบอลเลยครับ” คุณ Joe เล่า ก่อนจะพูดต่อ “หลังจากวิสัญญีแพทย์ให้ยาระงับความรู้สึก ผมก็หลับไปและรู้สึกตัวขึ้นมาในห้องพักฟื้นหลังจากนั้นประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ตอนตื่นก็คิดว่า เมื่อไรจะเริ่มผ่าตัด แต่ที่ไหนได้ การผ่าตัดเสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้วครับ”
โปรแกรมกายภาพบำบัดหลังผ่าตัดเข่า ช่วยให้กลับมาเคลื่อนไหวได้เร็ว
หลังการผ่าตัดเรียบร้อย ทางโรงพยาบาลก็มีการจัดโปรแกรมกายภาพบำบัดไว้ให้ ซึ่งสามารถทำได้ในห้องพักผู้ป่วย โดยมีนักกายภาพบำบัด เข้ามาช่วยในการฝึกการเคลื่อนไหวของขาทั้งสองข้าง นักกายภาพบำบัดจะคอยประเมินและควบคุมอย่างใกล้ชิด
แน่นอนว่าคุณ Joe อยากกลับมาเคลื่อนไหวคล่องให้ได้เร็วที่สุด จึงเผลอขยับเข่ามากเกินไป จนส่งผลทำให้เกิดอาการเจ็บขึ้นเล็กน้อย หลังทำกายภาพบำบัดจึงจำเป็นต้องใช้ยาแก้ปวด และถุงน้ำแข็งประคบไว้ อย่างไรก็ตาม ฤทธิ์จากยาชาและยาระงับปวดที่ยังหลงเหลืออยู่ ทำให้คืนนั้นสามารถนอนหลับได้ดี ไม่มีปัญหาใด
“โปรแกรมกายภาพจะประกอบไปด้วยการยืดเหยียด การเดินระยะสั้นด้วย Walker โดยจะเดิน 2 รอบ รอบละ 30 เมตร ซึ่งนักกายภาพบำบัดบอกว่า ถ้าผมเดินได้ในระยะทาง 100 เมตร และสามารถขึ้นบันไดได้ 2 ขั้น ในอีก 2 วันถัดไป ก็สามารถกลับบ้านได้แล้ว ซึ่งวันต่อมาอาการที่หัวเข่าของผมก็ดีขึ้นมากครับ ผมสามารถเดินไปมาในห้องโดยไม่ต้องมีคนช่วยแล้ว วันรุ่งขึ้นก็จะเป็นการทำกายภาพครั้งสุดท้ายก่อนจะออกจากโรงพยาบาล นับเป็น 5 วันในการเข้ามาผ่าตัดใหญ่ที่ทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่น รวดเร็วครับ”
ตลอด 5 วันหลังผ่าเข่า ที่ไม่เจ็บปวด และข้อเข่าที่กลับมาใช้งานได้อย่างดี
สำหรับการดูแลเรื่องความเจ็บปวดของผู้ป่วยหลังผ่าตัดของทางโรงพยาบาล ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้ยาและถุงน้ำแข็งประคบอย่างเหมาะสม คุณ Joe บอกว่า ตลอด 5 วันที่อยู่โรงพยาบาล สามารถพูดได้ว่าเขาไม่มีอาการเจ็บปวดเลย มีแค่อาการระบม ช้ำจากการผ่าตัดเพียงเท่านั้น ทำให้เขาสามารถนอนหลับพักผ่อนได้ดี และสามารถเข้าโปรแกรมกายภาพบำบัดอย่างกระตือรือร้น
หลังการผ่าตัดประมาณ 2 เดือน คุณ Joe พบว่าอาการโดยรวมดีขึ้นมาก ข้อเข่าเคลื่อนไหวได้ดี ขึ้นลงบันไดได้อย่างสบาย ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยพยุงใด ๆ แล้วนอกจากไม้เท้าช่วยค้ำยัน อาการชาและบวมลดลง เขาสามารถลงสระว่ายน้ำ 3 วันต่อสัปดาห์และสามารถออกกำลังกายได้ทุกวัน วันละ 20-30 นาที
“ทุกครั้งที่ออกกำลังกายจะรู้สึกตึงที่เข่า แต่หมอแจ้งว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ครับ”
และหลังจากการผ่าตัดผ่านไป 5 เดือน ปัจจุบันคุณ Joe เล่าว่าอาการเกือบจะกลับมาเป็นปกติแล้ว เพื่อน ๆ คนรอบตัวไม่สังเกตเห็นความผิดปกติในการเดินของเขา ทั้งยังสามารถวิ่งเหยาะ ๆ อยู่กับที่ได้ 30-60 วินาที โดยไม่มีอาการรบกวนใด ๆ
“แต่สิ่งที่ผมกังวลคืออาการบวมรอบ ๆ เข่าหลังออกกำลังกาย ซึ่งตรงนี้หมอบอกว่าไม่ต้องกังวล เพราะอาการบวมอาจใช้เวลาถึง 12 เดือนกว่าจะหายสนิท และอาการบวมหลังออกกำลังกายเป็นเรื่องปกติ แนะนำให้ประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการครับ”
คุณ Joe เสริมว่า จะมีความรู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในเข่า ที่ไม่ใช่เนื้อ กระดูก หรือกล้ามเนื้อ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ และไม่ต้องกินยาแก้ปวด หรือยาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอีก ส่วนเรื่องการเคลื่อนไหวในตอนนี้ เทียบเข่าทั้งสองข้างก็แทบจะเหมือนกันแล้วด้วย
“สุดท้ายนี้ ผมอยากจะขอบคุณทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่พยาบาลเป็นการส่วนตัว ที่ทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยมมาก ทุกคนมีรอยยิ้มและพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่อยู่เสมอ”
เพราะในการผ่าตัดหนึ่งครั้ง อาจหมายถึงความหวังและคุณภาพชีวิตที่ผู้ป่วยฝากไว้กับศัลยแพทย์
ด้านนายแพทย์สิริพงศ์ รัตนไชย์ ศัลยแพทย์ผู้รับผิดชอบในการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมให้คุณ Joeนั้ น ได้วางแผนตระเตรียมทีม อุปกรณ์ และห้องผ่าตัดให้พร้อม และครอบคลุมในการรับมือกับกรณีต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นหน้างาน ซึ่งเป็นวิธีการทำงานที่คุณหมอให้ความสำคัญและใส่ใจในทุกการผ่าตัด
“สำหรับเคสนี้เป็นเคสข้อเข่าเสื่อม ซึ่งผลเอกซเรย์จะช่วยให้เรามั่นใจประมาณ 80-90 เปอร์เซ็นต์ครับ แล้วอีก 10 เปอร์เซ็นต์ หมอต้องผ่าตัดเข้าไปดู นับเป็นการตัดสินใจขั้นสุดท้ายที่สำคัญที่สุด เพราะหมอได้เห็นด้วยตาแล้ว ว่าสมควรที่จะผ่าตัดเปลี่ยนแบบครึ่งข้อหรือทั้งข้อครับ ซึ่งเคสคุณ Joe ก็ได้ข้อสรุปตอนผ่าเข้าไปดูว่าต้องเปลี่ยนทั้งข้อ”
นอกจากนี้ การสื่อสารกับผู้ป่วยให้รับรู้และเข้าใจถึงขั้นตอนการรักษา ครบถ้วนเท่าที่ผู้ป่วยควรได้รู้ ก็ยังช่วยให้การผ่าตัดครั้งนี้เป็นไปด้วยความราบรื่น และได้รับความร่วมมือจากผู้ป่วยเป็นอย่างดี
“หากทีมแพทย์และผู้ป่วยเข้าใจตรงกัน มีเป้าประสงค์เดียวกัน จะช่วยให้การผ่าตัดมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงครับ ผมเชื่ออย่างนั้น ซึ่งผลก็เป็นไปตามคาด การผ่าตัดเป็นไปด้วยดี ผู้ป่วยมีความสุขและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ครับ”
และเนื่องจากมีการเตรียมความพร้อมที่รัดกุม การสื่อสารกับผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ บวกกับความสามารถและประสบการณ์ของศัลยแพทย์ จึงทำให้การผ่าตัดไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล และคาดหวังผลลัพธ์ที่ดีได้นั่นเอง
“ผมว่าเราต้องแข่งขันกับตัวเอง ต้องรักษามาตรฐานของเราให้ดีเยี่ยมในทุก ๆ รายที่เราผ่าตัด เพราะถึงเราจะผ่าตัดมาหลายพันรายแล้วก็ตาม แต่สำหรับผู้ป่วย นี่อาจเป็นการผ่าตัดครั้งแรกของเขา และเขาก็ฝากความหวัง ฝากสุขภาพไว้กับเราในการผ่าตัดครั้งนี้”