โรคหลงตัวเอง หรือ บุคลิกภาพผิดปกติชนิดหลงตัวเอง
โรคหลงตัวเอง หรือ บุคลิกภาพผิดปกติชนิดหลงตัวเอง เป็นปัญหาสุขภาพจิตที่พบได้บ่อยในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง โดยผู้ที่มีลักษณะหลงตัวเองมักแสวงหาความสนใจและต้องการการยอมรับจากผู้อื่นอย่างมาก มักขาดความเห็นอกเห็นใจ ไม่ให้ความสำคัญกับความคิด ความรู้สึก หรือความต้องการของผู้อื่น
นอกจากนี้ยังมีความรู้สึกว่าตนเองมีอภิสิทธิ์เหนือผู้อื่น และเมื่อไม่ได้รับสิ่งที่คาดหวัง มักเกิดความรู้สึกผิดหวังและไม่พอใจ อย่างไรก็ตามภายใต้ความรู้สึกยิ่งใหญ่กว่าคนอื่นนั้น ผู้ที่มีภาวะบุคลิกภาพผิดปกติชนิดนี้มักมีความพึงพอใจในตัวเองต่ำ ไม่มั่นใจในคุณค่าของตนเอง และมักประสบปัญหาในการสร้างสัมพันธภาพกับคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว เพื่อนที่โรงเรียน หรือเพื่อนร่วมงาน ความผิดปกติทางบุคลิกภาพนี้มักเริ่มปรากฏในช่วงวัยรุ่น
อาการของโรคหลงตัวเอง และบุคลิกภาพผิดปกติชนิดหลงตัวเอง
- รู้สึกว่าตัวเองสำคัญที่สุด
- ต้องการคำชื่นชมจากผู้อื่นตลอดเวลา
- หมกหมุ่นอยู่กับความรู้สึกว่าต้องดีกว่าคนอื่น ต้องได้รับการชื่นชมมากกว่าผู้อื่น
- สนใจหมกหมุ่นกับความสวยความงาม อำนาจ ความสำเร็จ
- ตำหนิว่ากล่าวบุคคลที่ตนเองคิดว่าไม่มีความสำคัญอย่างรุนแรง
- คาดหวังให้ผู้อื่นปฏิบัติกับตนเองดีเป็นพิเศษโดยไม่จำเป็นต้องร้องขอ
- ไม่แยแสหรือไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นได้
- มีทัศนคติและพฤติกรรมหยิ่งทะนงตน
- ต้องการที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนที่ตนเองคิดว่าพิเศษเหมือนกันเท่านั้น
- รับคำวิจารณ์ จัดการกับอารมณ์หรือพฤติกรรมของตนเองไม่ได้
- รู้สึกหดหู่เมื่อตัวเองทำได้ไม่สมบูรณ์แบบ
- ไม่มีความอดทน
- ไม่มีความมั่นใจ กลัวการล้มเหลว
ควรพบแพทย์เมื่อไร
หากมีอาการตามที่กล่าวมาข้างต้น ควรขอรับคำปรึกษาและเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีภาวะบุคลิกภาพผิดปกติชนิดหลงตัวเองมักปฏิเสธการรักษา เนื่องจากมองว่าตนเองไม่มีปัญหาใด ๆ บางรายอาจยินยอมเข้ารับการรักษาเมื่อเริ่มมีภาวะซึมเศร้า มีปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ หรือเมื่อเกิดภาวะติดสุราหรือสารเสพติด

สาเหตุของโรคหลงตัวเอง และปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดบุคลิกภาพผิดปกติชนิดหลงตัวเอง
สาเหตุของบุคลิกภาพผิดปกติชนิดหลงตัวเองนั้นยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่อาจมีความเกี่ยวข้องปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
- พันธุกรรม
- การได้รับการเลี้ยงดูอย่างประคบประหงมหรือปล่อยปละละเลย
- ความผิดปกติทางสมองและระบบประสาท
ภาวะแทรกซ้อนของโรคหลงตัวเอง หรือบุคลิกภาพผิดปกติชนิดหลงตัวเอง
- ความวิตกกังวล
- ภาวะซึมเศร้า
- ปัญหาในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น
- ปัญหาทางสุขภาพกายและจิต
- การติดสุราและสารเสพติด
- ความคิดหรือความพยายามฆ่าตัวตาย
การป้องกันโรคหลงตัวเอง และการลดความเสี่ยงของบุคลิกภาพผิดปกติชนิดหลงตัวเอง
เนื่องจากสาเหตุที่แท้จริงของภาวะบุคลิกภาพผิดปกติชนิดหลงตัวเองยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด การป้องกันจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก อย่างไรก็ตาม หากมีปัญหาทางอารมณ์หรือสุขภาพจิต ควรรีบขอคำปรึกษาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การเข้ารับบำบัดสามารถช่วยแก้ไขปัญหาด้านการสื่อสารและความขัดแย้งต่าง ๆ ที่มี

การตรวจวินิจฉัยโรคหลงตัวเอง และบุคลิกภาพผิดปกติชนิดหลงตัวเอง
- การตรวจสุขภาพเพื่อตัดโรคทางกายที่อาจเป็นสาเหตุของอาการ
- การประเมินสภาพจิตใจโดยการใช้คู่มือการวินิจฉัยและสถิติสำหรับความผิดปกติทางจิต (DSM-5)
แนวทางการรักษาโรคหลงตัวเอง และบุคลิกภาพผิดปกติชนิดหลงตัวเอง
- การทำจิตบำบัด
- เรียนรู้ที่จะค้นหาสาเหตุของความทุกข์ใจและความไม่ไว้วางใจในผู้อื่น พร้อมทั้งวิธีการพัฒนาและสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
- เรียนรู้การสร้างคุณค่าในตนเอง
- เรียนรู้การควบคุมอารมณ์อย่างเหมาะสม
- เรียนรู้การตั้งเป้าหมายที่สามารถทำได้จริงและการยอมรับมัน
- เรียนรู้การรับมือกับคำวิจารณ์หรือความล้มเหลวอย่างมีสติ
การบำบัด ไม่ว่าจะเป็นแบบระยะสั้นหรือระยะยาว สามารถช่วยให้ผู้ที่มีภาวะบุคลิกภาพผิดปกติชนิดหลงตัวเองเรียนรู้วิธีจัดการกับอารมณ์ การที่สมาชิกในครอบครัวเข้าร่วมการบำบัดด้วยมักช่วยเพิ่มประสิทธิผลในการรักษา และนำไปสู่ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจมากยิ่งขึ้น
- การรับประทานยา
ปัจจุบันยังไม่มียาสำหรับผู้ที่มีบุคลิกภาพผิดปกติชนิดหลงตัวเองโดยเฉพาะ แพทย์อาจให้รับประทานยา เช่น ยาต้านเศร้า ยาระงับความวิตกกังวลเพื่อบรรเทาอาการ - การเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตและการดูแลตนเอง
ผู้ที่มีภาวะบุคลิกภาพผิดปกติชนิดหลงตัวเองมักมองว่าการบำบัดไม่จำเป็น ทำให้ปฏิเสธการรักษาหรือเลิกกลางคัน
การบำบัดจะได้ผลดีขึ้นหากผู้เข้ารับการรักษาปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้:- เปิดใจและตระหนักถึงประโยชน์และผลลัพธ์ที่จะได้รับจากการรักษา
- เข้าร่วมการบำบัดอย่างต่อเนื่องและรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ
- หาวิธีรับมือและจัดการกับความเครียดอย่างมีประสิทธิภาพ
- รักษาภาวะซึมเศร้าและปัญหาการใช้สารเสพติดที่อาจเกิดร่วมกัน
- กระตุ้นเตือนตนเองให้รักษาความสัมพันธ์กับเพื่อนและคนใกล้ชิด พร้อมทั้งมุ่งเน้นการสร้างความพึงพอใจในชีวิต
การเตรียมตัวก่อนพบแพทย์
- จดบันทึกอาการที่มี ระยะเวลาที่เป็น และเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกขุ่นเคืองใจ
- จดเหตุการณ์สำคัญในอดีตและปัจจุบันที่ทำให้เครียดหรือเกิดปมในใจ
- จดอาการเจ็บป่วยทั้งทางร่างกายและจิตใจที่มี พร้อมยาที่กำลังรับประทานอยู่
- พาเพื่อนหรือคนในครอบครัวที่ไว้ใจมาพบแพทย์ด้วยกัน
- จดคำถามที่ต้องการถามแพทย์ เช่น
- อะไรคือสาเหตุของอาการที่มี
- คุณหมอแนะนำการรักษาด้วยวิธีใดบ้าง
- ต้องเข้ารับการบำบัดบ่อยและนานแค่ไหน
- ต้องรับประทานยาหรือไม่
โดยแพทย์อาจถามคำถามดังต่อไปนี้
- เท่าที่ผ่านมามีอาการอะไรบ้าง
- อาการดังกล่าวส่งผลต่อชีวิตและความเป็นอยู่อย่างไร
- ความสัมพันธ์กับเพื่อนและครอบครัวเป็นอย่างไรบ้าง
- รับมือกับความกลัว การถูกปฏิเสธ หรือความเศร้าโศกอย่างไรบ้าง
- ชีวิตในวัยเด็กและสัมพันธภาพกับพ่อแม่เป็นอย่างไร
- สมาชิกในครอบครัวมีความผิดปกติทางบุคลิกภาพหรือปัญหาทางสุขภาพจิตบ้างหรือไม่