กลุ่มอาการขาอยู่ไม่สุข
กลุ่มอาการขาอยู่ไม่สุข (Restless legs syndrome หรือ Willis-Ekbom disease) เป็นโรคทางระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับการนอน ซึ่งผู้ป่วยต้องการจะขยับขาเนื่องจากรู้สึกไม่สบายตัว เมื่อขยับแล้วถึงรู้สึกดีขึ้น โดยมักมีอาการขณะที่พักผ่อนหรือนอนหลับ สาเหตุของโรคนั้นอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล การควบคุมโรคนั้นทำได้โดยการปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิต การรับประทานยา หรือการรักษาโรคที่ส่งผลให้เกิดอาการ
ประเภทกลุ่มอาการขาอยู่ไม่สุข
- Early Onset คือ อาการของโรคขาอยู่ไม่สุขก่อนอายุ 45 ปี โดยมักมีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ หรือภาวะขาดธาตุเหล็ก โดยเฉพาะภาวะเลือดออกประจำเดือนผิดปกติ ตั้งครรภ์ อาการมักค่อย ๆ แย่ลง
- Late Onset คือ อาการของโรคขาอยู่ไม่สุขหลังอายุ 45 ปี อาการมักแย่ลงอย่างรวดเร็วและเกี่ยวข้องกับโรคอื่น ๆ เช่น โรคไต โรคเบาหวาน โรคทางสมองและระบบประสาท เช่น โรคพาร์กินสัน.
อาการขาอยู่ไม่สุข รู้สึกอย่างไร?
ความรู้สึกไม่สบายตัวจากโรคขาอยู่ไม่สุขมักเกิดขึ้นที่ขา แต่อาจเกิดขึ้นที่บริเวณอื่นของร่างกายได้เช่นกัน โดยผู้ป่วยจะมีความรู้สึกดังต่อไปนี้
- รู้สึกเหมือนมีแมลงไต่ขา
- รู้สึกคัน ต้องเกา
- รู้สึกปวดลึกในกล้ามเนื้อหรือแขนขา
- รู้สึกแสบร้อนหรือเหมือนมีเข็มทิ่ม
- รู้สึกปวดตุบ ๆ ที่ขา
- รู้สึกว่ากล้ามเนื้อตึง
- รู้สึกว่าต้องขยับแขนขาเพื่อบรรเทาอาการไม่สบายตัว
ความรู้สึกดังกล่าวมักทำให้ผู้ป่วยมีอาการดังนี้
- รู้สึกไม่สบายขาและจำเป็นต้องขยับขา
- รู้สึกไม่สบายตัวมากขึ้นขณะพักผ่อน
- การขยับขาช่วยบรรเทาอาการได้ชั่วคราว
- ขากระตุกขณะหลับ
อาการของโรคขาอยู่ไม่สุขมักรบกวนการนอนหลับ เพราะผู้ป่วยต้องตื่นมาขยับขาบ่อย ๆ จนทำให้ง่วงนอนตอนกลางวัน เหนื่อยล้า อารมณ์แปรปรวน ไม่มีสมาธิ วิตกกังวล หรือแม้กระทั่งมีภาวะซึมเศร้า
เมื่อไรควรพบแพทย์
หากอาการของโรคขาอยู่ไม่สุขทำให้การนอนหลับไม่มีคุณภาพ ง่วงนอนตอนกลางวัน ควรพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยอย่างเหมาะสม
ขาอยู่ไม่สุขเกิดจากสาเหตุอะไร?
การขาดสารโดพามีน โรคขาอยู่ไม่สุขมีความเกี่ยวข้องกับปมประสาทฐาน (basal ganglia) ซึ่งควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกายโดยใช้สารสื่อประสาทที่เรียกกันว่าโดพามีน หากร่างกายขาดสารโดพามีนอาจส่งผลต่อการทำงานของปมประสาทฐาน
- พันธุกรรม
- ยา เช่น ยาแก้แพ้ ยาต้านเศร้า ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน
- การขาดธาตุเหล็ก
- โรคต่าง ๆ เช่น ภาวะโลหิตจาง โรคไต โรคเบาหวาน โรคปลายประสาทอักเสบ
- การตั้งครรภ์
- สาเหตุอื่น ๆ เช่น แอลกอฮอล์ คาเฟอีน นิโคติน ความเครียด หรือการนอนไม่พอ
ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้มีอาการขาอยู่ไม่สุข
- อายุ: โรคขาอยู่ไม่สุขเกิดได้กับคนทุกเพศทุกวัยแต่ความเสี่ยงจะสูงขึ้นตามอายุ
- เพศ: มักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย
- โรคต่าง ๆ: โรคขาอยู่ไม่สุขมักจะเกิดขึ้นพร้อมกับโรคอื่น ๆ เช่น
- ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ระดับธาตุเหล็กที่ต่ำนั้นทำให้อาการของโรคขาอยู่ไม่สุขแย่ลง
- โรคปลายประสาทอักเสบ มักพบในผู้ป่วยโรคเบาหวาน และอาการขาอยู่ไม่สุขเป็นอาการหนึ่งของโรคปลายประสาทอักเสบ
- รอยโรคที่กระดูกสันหลัง อาจเกิดจากการได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังหรือการฉีดยาชาเข้ากระดูกสันหลัง
- โรคไตเรื้อรัง ซึ่งทำให้เกิดความไม่สมดุลของเกลือแร่ในร่างกายหรือภาวะโลหิตจาง
- โรคทางระบบประสาท เช่น โรคพาร์กินสัน
- การตั้งครรภ์ โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 3 แต่อาการมักดีขึ้นหลังคลอด
การตรวจกลุ่มอาการขาอยู่ไม่สุข
- การซักประวัติและการตรวจร่างกาย
แพทย์จะซักถามอาการ ดูประวัติสุขภาพของผู้ป่วยและครอบครัวสายตรงของผู้ป่วย และประเมินว่าผู้ป่วยมีอาการตรงตามหลักเกณฑ์เหล่านี้หรือไม่
- รู้สึกว่าต้องขยับขาเพื่อขจัดความรู้สึกไม่สบายตัว
- ความรู้สึกไม่สบายตัวแย่ลงขณะพักผ่อน โดยเฉพาะในช่วงเย็นหรือค่ำ อาการจะดีขึ้นเมื่อได้ยืดเหยียด เดิน หรือขยับขา
- อาการไม่ได้เกิดจากโรคอื่น ๆ
- การตรวจเลือดและการตรวจทางระบบประสาท
- การตรวจการนอนหลับ ในกรณีที่แพทย์สงสัยว่ามีการนอนหลับผิดปกติ
ทั้งนี้การตรวจวินิจฉัยโรคขาอยู่ไม่สุขในเด็กอาจทำได้ยากกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากเด็กยังไม่สามารถบอกเล่าอาการได้อย่างถูกต้อง จึงอาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นโรคสมาธิสั้นหรือภาวะปวดขาจากการเจริญเติบโต
การรักษาอาการขาอยู่ไม่สุข
- ผลิตภัณฑ์เสริมธาตุเหล็ก แนะนำให้รับประทานพร้อมวิตามินซี
- ยากันชัก
- ยา Dopamine agonists
- ยา Dopamine precursors
การรับประทานยาสามารถช่วยบรรเทาอาการได้ แต่การรับประทานยาที่เพิ่มสารโดพามีนเป็นเวลานานอาจทำให้อาการแย่ลง
การปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตและการรักษาตัวเองที่บ้าน
- แช่น้ำอุ่นและนวดขาก่อนเข้านอน
- การประคบอุ่นหรือประคบเย็นเพื่อบรรเทาความรู้สึกที่แขนขา
- นอนหลับให้เพียงพออย่างน้อย 7 ชั่วโมงทุกคืนและเข้านอนเป็นเวลา
- ออกกำลังกายเพื่อช่วยบรรเทาอาการ แต่ไม่ควรออกกำลังกายเข้มข้นหรือออกกำลังกายช่วงเย็น
- ลดการบริโภคคาเฟอีน งดการดื่มชา น้ำอัดลม เครื่องดื่มช็อกโกแลตเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์เพื่อดูว่าอาการดีขึ้นหรือไม่
- สวมใส่ปลอกรัดเท้าและ vibrating pad สำหรับผู้ป่วยโรคขาอยู่ไม่สุขโดยเฉพาะ
การเตรียมตัวก่อนพบแพทย์
- จดบันทึกอาการ โรคประจำตัว และยาที่กำลังรับประทาน
- พาเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวไปด้วยเพื่อช่วยจำข้อมูล
- จดคำถามที่ต้องการถามแพทย์ เช่น
- โรคขาอยู่ไม่สุขเกิดจากอะไร
- จำเป็นต้องเข้ารับการทดสอบเพิ่มเติมหรือไม่
- วิธีการรักษาแบบใดที่แพทย์แนะนำ
- ควรจะจัดการกับโรคประจำตัวที่มีอยู่อย่างไร
- อะไรที่ช่วยให้อาการดีขึ้น
เตรียมคำตอบสำหรับคำถามที่แพทย์อาจถาม
- รู้สึกไม่สบายตัวจนต้องขยับขาหรือไม่
- เมื่อขยับขาแล้วรู้สึกดีขึ้นหรือไม่
- มักเริ่มมีอาการเมื่อไร
- อาการแย่ลงในตอนกลางคืนหรือไม่
- มีปัญหาเรื่องการนอนบ้างหรือไม่
- ดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนเป็นประจำหรือไม่
- ออกกำลังกายช่วงเย็นเป็นประจำหรือไม่
- เคยได้รับการตรวจวินิจฉัยว่ามีภาวะขาดธาตุเหล็กหรือไม่
คำแนะนำจากแพทย์โรงพยาบาลเมดพาร์ค
โรคขาอยู่ไม่สุขนั้นอาจรบกวนการนอนหลับและการใช้ชีวิตประจำวัน การปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การหลีกเลี่ยงยาบางชนิด งดดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการออกกำลังกายเบา ๆ อาจช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้นได้ และทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพการนอนและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น