3 โรคยอดฮิต ที่คน ‘ติดเค็ม’ เสี่ยงสูง
สารภาพมาเสียดี ๆ ใครติดนิสัยต้องปรุงรสเค็มไว้ก่อน เพราะเค็มคืออูมามิ ถูกปากถูกใจ ควรรีบปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด่วน! คิดให้ดีก่อนเหยาะซอส น้ำปลา เกลือ เพราะเค็มมากไป มาพร้อมปัญหาสุขภาพที่ไม่ใช่แค่โรคไต แต่ยังรวมไปถึง โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร และอื่น ๆ
กินเค็มแบบไหน เรียกว่า ‘มากเกินไป’
จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ประเทศสหรัฐอเมริกา (FDA) แนะนำให้ผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพแข็งแรง บริโภคโซเดียมได้ไม่เกิน 2,300 มิลลิกรัมต่อวัน หรือเทียบเท่ากับเกลือแกงประมาณ 6 กรัม (1 ช้อนชา)
นอกจากนี้ หนึ่งในสิ่งที่หลายคนมองข้าม ก็คือ โซเดียมแฝง หรือ Hidden Salt ที่มากับอาหารหลากหลายประเภท แม้ไม่ได้ปรุงเพิ่ม เติมเกลือหรือผงชูรส ก็มีโซเดียมในตัวเองในปริมาณค่อนข้างสูง และอาจเป็นสาเหตุให้เราบริโภคโซเดียมมากเกินโดยไม่รู้ตัว พบมากในอาหารผ่านกระบวนการ ( Processed Foods) ที่มีเกลือหรือโซเดียมสูงอยู่ในกระบวนการผลิต เช่น อาหารแช่แข็ง อาหารหมักดอง เนื้อสัตว์แปรรูป ขนมปัง เบเกอรี รวมไปถึงน้ำอัดลมด้วย
แม้ว่าการกินโซเดียมมากกว่าปริมาณที่แนะนำบ้างในบางวัน อาจไม่ได้เป็นอันตรายปุบปับ แต่หากกินมากกว่าปริมาณที่แนะนำอย่างสม่ำเสมอ แทบทุกวัน ก็จะค่อย ๆ ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมได้ในที่สุด
แล้วถ้าเรากินเค็มมากเกินไปในทุก ๆ วัน จะก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพและโรคภัยไข้เจ็บอะไรได้บ้าง มาดูกัน
- ความดันโลหิตสูง
งานวิจัยระบุว่า อาหารที่มีเกลือปริมาณมาก จะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และการลดปริมาณการเติมเกลือลงในอาหาร สามารถช่วยลดระดับความดันโลหิตได้
จากงานวิจัยขนาดใหญ่ 2 ชิ้น รายงานว่า การลดการบริโภคเกลือลง 4.4 กรัมต่อวัน อาจช่วยลดความดันโลหิตทั้งค่าบนและค่าล่างได้ถึง 4.18 มิลลิเมตรปรอท และ 2.06 มิลลิเมตรปรอท ตามลำดับ และพบว่าในผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง จะเห็นการลดลงของความดันโลหิตได้ชัดเจนและมากกว่าในผู้ที่มีความดันโลหิตปกติ
ในผู้ที่เป็นโรคอ้วน หรือผู้สูงอายุ จะได้รับผลกระทบจากการกินอาหารที่มีรสเค็ม ทำให้ความดันโลหิตสูงได้มากกว่าคนทั่วไป - โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
มีการศึกษาที่พบความเชื่อมโยงการรับประทานอาหารเค็มจัด มีเกลือสูงกับความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
การศึกษาชิ้นหนึ่งชี้ให้เห็นว่าผู้ที่บริโภคเกลือปริมาณสูง อาจมีความเสี่ยงต่อมะเร็งกระเพาะอาหารสูงกว่าผู้ที่บริโภคเกลือต่ำถึงสองเท่า อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้ ยังไม่ได้ระบุอย่างชัดเจน ว่าปริมาณเท่าใด คือการบริโภคเกลือสูงหรือต่ำ
แม้ว่าจะยังไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน ถึงสาเหตุที่ทำให้เกลือส่งผลต่อโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร แต่ผู้เชี่ยวชาญก็เชื่อว่า การรับประทานอาหารรสเค็ม มีเกลือสูง อาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร หรือเกิดเยื่อบุกระเพาะอาหารอักเสบ ซึ่งจะส่งผลต่อความเสี่ยงโรคมะเร็งกระเพาะอาหารตามมานั่นเอง - โรคหัวใจ และการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
จากที่กล่าวไป ว่ามีบางการศึกษาวิจัยชี้ให้เห็นว่า การบริโภคเกลือในปริมาณมาก จะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น และสิ่งนี้จะทำให้หลอดเลือดแดงแข็งตัว ภาวะนี้เองที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ และเพิ่มอัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
อ้างอิงจาก การศึกษาหนึ่งที่กินระยะเวลา 20 ปี พบว่า ผู้เข้าร่วมที่บริโภคเกลือน้อยกว่า 5.8 กรัมต่อวัน จะมีอัตราการเสียชีวิตต่ำที่สุด ในขณะที่ผู้ที่บริโภคเกลือมากกว่า 15 กรัมต่อวัน จะมีอัตราการเสียชีวิตสูงที่สุด
แต่ในบางงานวิจัย ก็พบว่า ไม่พบความเสี่ยงโรคหัวใจที่เพิ่มขึ้นจากการบริโภคเกลือในปริมาณมาก ซึ่งอาจมาจากความแตกต่างทางลักษณะร่างกาย เงื่อนไขทางสุขภาพของกลุ่มผู้เข้าร่วมการทดลองในแต่ละงานวิจัย ทำให้การกินเค็มมาก ๆ อาจส่งผลต่อสุขภาพในบางคนนั่นเอง
คำแนะนำ ป้องกันการกินโซเดียมมากเกินไป
วิธีการที่ดีที่สุด ที่จะลดโซเดียมในร่างกาย คือ การจำกัดการบริโภคโซเดียม และรับประทานอาหารให้สมดุลเหมาะสมมากขึ้น ดังนี้
- ลดการกินอาหารที่มีโซเดียมแฝง เช่น อาหารที่ผ่านกระบวนการต่าง ๆ เนื้อสัตว์แปรรูป เบเกอรี่ ขนมขบเคี้ยว มันฝรั่งทอด น้ำอัดลม
- เลือกเครื่องปรุงโซเดียมต่ำ ปัจจุบันมีเครื่องปรุงทางเลือก ที่มีโซเดียมต่ำวางจำหน่ายมากมาย อาทิ น้ำปลา Low Sodium หรือเครื่องปรุงที่ลดโซเดียมลง 50 เปอร์เซ็นต์
- กินอาหารปรุงสดใหม่ เพื่อลดการบริโภคโซเดียมเกินจากโซเดียมแฝงที่มากับอาหารแช่แข็ง อาหารแปรรูป และอาหารสำเร็จรูปต่าง ๆ
- ใช้เครื่องปรุงอื่นแทนเกลือ เช่น สมุนไพร เครื่องเทศ น้ำมะนาว เพื่อชูรสชาติอาหารแทนการใส่เกลือหรือน้ำปลา
สรุปแล้ว การกินเค็มมากเกินไปไม่ดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน จึงควรพยายามควบคุมปริมาณโซเดียมในอาหาร จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่าง ๆ ที่จะแฝงมาพร้อมรสชาติที่ชื่นชอบ