เหงื่อออกมือ เกิดจากอะไรได้บ้าง
เหงื่อออกมือ อาจดูเหมือนเป็นเรื่องปกติสำหรับบางคน แต่การที่เหงื่อออกมือมากเกินไปอาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและการเข้าสังคม จนไม่กล้าใช้มือหยิบจับสัมผัสหรือแม้แต่จับมือกับผู้อื่น บทความนี้จะพาไปรู้จักสาเหตุ อาการของเหงื่อออกมือ พร้อมคำแนะนำว่าเมื่อไรที่ควรไปพบแพทย์
เหงื่อออกมือ ปกติหรือไม่
ในบรรดาสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ต่อมเหงื่อของมนุษย์มีวิวัฒนาการมากที่สุด ช่วยให้เราควบคุมอุณหภูมิร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพและปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่หลากหลายได้ หากมีเหงื่อออกทั้ง ๆ ที่ร่างกายไม่ได้ต้องการจะระบายความร้อนเพื่อลดอุณหภูมิภายในร่างกาย นั้นอาจระบุได้ว่ามีภาวะเหงื่อออกมากเกินไป
แม้ว่าอาการเหงื่อออกที่ฝ่ามืออาจดูเหมือนไม่ใช่ปัญหาร้ายแรง แต่ก็อาจสร้างความรำคาญได้ในระดับหนึ่ง อาการเหงื่อออกที่มือมากเกินไปทำให้หยิบจับอะไรก็ไม่ถนัด เข้าสังคมกับผู้คนลำบาก และไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันอย่างมีคุณภาพได้
สาเหตุที่ทำให้เหงื่อออกมือ
เหงื่อออกมือเกิดได้จากหลายปัจจัย อาทิ โรคเบาหวานหรือวัยหมดประจำเดือน ซึ่งส่งผลต่ออัตราการหลั่งเหงื่อของร่างกาย
แต่ในบางรายอาจมีภาวะเหงื่อออกมือมากผิดปกติหรือรู้ที่จักกันทางการแพทย์ว่า Hyperhidrosis โดยจะมีอาการที่สังเกตเห็นได้ตั้งแต่วัยเด็ก ซึ่งอาการจะเริ่มดีขึ้นหลังอายุ 40 ปี และมักจะหายไปในช่วงอายุประมาณ 60 ปี
อย่างไรก็ตามอาการเหงื่อออกที่มืออาจเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ภาวะเหงื่อออกมือมากผิดปกติ (Hyperhidrosis) ซึ่งได้แก่
- ยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงทำให้เหงื่อออก
- การติดสุราหรือยาเสพติด
- การติดเชื้อ เช่น ติดเชื้อวัณโรค ติดเชื้อในกระแสเลือด
- ความผิดปกติทางระบบต่อมไร้ท่อ เช่น โรคเบาหวาน ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
- ความผิดปกติทางระบบประสาท เช่น โรคพาร์กินสัน โรคหลอดเลือดสมอง
- โรคมะเร็ง
ชวนสังเกตอาการของ ภาวะเหงื่อออกมือมากผิดปกติ (Hyperhidrosis)
ผู้ที่มีภาวะเหงื่อออกมือมากผิดปกติ มักเผชิญกับอาการดังต่อไปนี้
- เหงื่อออกมาก ซึ่งไม่เกี่ยวกับการระบายความร้อนของร่างกาย
- เหงื่อออกมากบริเวณฝ่ามือและนิ้วมือทั่วทั้งมือ
- ฝ่ามือเปียกและเย็นเป็นประจำ
- บางรายมีอาการนิ้วบวมร่วมด้วย

เมื่อไรที่ควรปรึกษาแพทย์
สำหรับการวินิจฉัยว่ามีภาวะเหงื่อออกมือมากผิดปกติ หรือ Hyperhidrosis นั้น ผู้ป่วยจะต้องมีอาการเหงื่อออกที่ฝ่ามืออย่างชัดเจนต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน พร้อมกับมีอาการหรือลักษณะดังต่อไปนี้ 2 อย่างขึ้นไป
- เหงื่อออกมากที่ฝ่ามือทั้งสองข้าง
- เหงื่อออกเป็นระยะ ๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
- เหงื่อออกจนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
- อาการเริ่มต้นหลังอายุ 25 ปี
- คนในครอบครัวมีภาวะเหงื่อออกมากที่ฝ่ามือ
- เหงื่อไม่ออกขณะหลับ
วิธีรักษาภาวะเหงื่อออกมือ
แพทย์มักพิจารณาเลือกใช้วิธีรักษาดังต่อไปนี้
- ไอออนโตโฟเรซิส (Iontophoresis) คือการให้ผู้ป่วยจุ่มมือลงในน้ำที่มีกระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ เพื่อยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อ ทำให้เหงื่อออกน้อยลง วิธีนี้อาจเห็นผลได้นาน 4 สัปดาห์ โดยการทำไอออนโตโฟเรซิสแต่ละครั้ง จะใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที
- การรับประทานยา กลุ่มยาแอนติโคลิเนอร์จิก (Anticholinergic Drugs) เป็นยาที่ช่วยบรรเทาอาการเหงื่อออกที่มือ โดยยานี้จะไปขัดขวางตัวรับ (receptors) ของระบบประสาทอัตโนมัติ ที่กระตุ้นให้ต่อมเหงื่อผลิตเหงื่อออกมา ตัวยาในกลุ่มยานี้ ได้แก่ ยาออกซีบิวไทนิน ไฮโดรคลอไรด์ (Oxybutynin Hydrochloride) ซึ่งเป็นยาที่สามารถลดการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะด้วยกลไกเดียวกัน ผู้ป่วยต้อหินไม่ควรรับประทานยาตัวนี้ ผลข้างเคียงของยา ได้แก่ อาการปากแห้ง ปัสสาวะไม่ออก ท้องผูก คลื่นไส้ อาเจียน
- โบท็อกซ์ โบท็อกซ์ หรือ โบทูลินัม ท็อกซิน ช่วยรักษาอาการเหงื่อออกที่มือด้วยการไปขัดขวางตัวรับ (receptors) ของระบบประสาทอัตโนมัติเช่นกัน ทำให้ต่อมเหงื่อไม่ผลิตเหงื่อออกมา วิธีนี้ให้ผลยาวนานราว 6 เดือน
- การผ่าตัด ในกรณีที่เหงื่อออกมือรุนแรงไม่ตอบสนองต่อการรักษาวิธีอื่น แพทย์อาจแนะนำการผ่าตัดเพื่อหยุดการทำงานของต่อมเหงื่อ โดยใช้การส่องกล้องตัดเส้นประสาทอัตโนมัติ (Endoscopic Thoracic Sympathectomy: ETS)
เหงื่อออกที่มือเป็นภาวะปกติของร่างกาย อย่างไรก็ตามหากเหงื่อออกที่มือจนรบกวนชีวิตประจำวัน หรือมีปัญหาเรื่องการหยิบจับสัมผัส หรือเข้าสังคมได้ยาก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม