Dermatitis โรคผื่นผิวหนังอักเสบ อาการ สาเหตุ วิธีรักษา - MedPark Hospital

โรคผื่นผิวหนังอักเสบ

ภาวะที่มีการอักเสบของผิวหนัง มักจะมีผื่นแดง ผิวหนังแห้ง ร่วมกับอาการคัน สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่บนร่างกาย รวมทั้งหนังศีรษะ ซึ่งภาวะนี้ไม่ใช่โรคติดต่อ

แชร์

โรคผื่นผิวหนังอักเสบ

คือภาวะที่มีการอักเสบของผิวหนัง มักจะมีผื่นแดง ผิวหนังแห้ง ร่วมกับอาการคัน สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่บนร่างกาย รวมทั้งหนังศีรษะ ภาวะนี้ไม่ใช่โรคติดต่อและสามารถรักษาได้ด้วยการทาครีม ขี้ผึ้ง หรือใช้แชมพูที่มีส่วนผสมของยา

ประเภทของโรคผื่นผิวหนังอักเสบ

  • โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis or eczema)
  • โรคผื่นต่อมไขมันอักเสบ (Seborrheic dermatitis)
  • โรคผื่นแพ้สัมผัส (Contact dermatitis)

อาการและลักษณะของโรคผื่นผิวหนังอักเสบ

  • ผิวแห้ง
  • มีผื่นขึ้นหรือบวมแดง
  • มีอาการคัน
  • ผิวหนาและแข็งขึ้น
  • แผลพุพอง ตุ่มน้ำขึ้นบริเวณผิว
  • รังแคและตุ่มคล้ายสิวขึ้นที่รากผม

ควรไปพบแพทย์เมื่อไร

ควรไปพบแพทย์หากมีผื่นเป็นบริเวณกว้าง มีการติดเชื้อร่วมด้วย มีอาการคันหรือเจ็บจนรบกวนการทำกิจวัตรประจำวัน

สาเหตุของโรคผื่นผิวหนังอักเสบ

  • สัมผัสกับสารก่อการระคายเคือง เช่น น้ำหอมหรือโลชั่น
  • ผิวแห้ง
  • การติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย
  • ความเครียด
  • พันธุกรรม
  • ปัญหาของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

ปัจจัยเสี่ยง

  • อายุ
    สามารถพบได้ทุกกลุ่มอายุ โดยในกลุ่มเด็กมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังมากกว่าผู้ใหญ่
  • สุขภาพ
    ผู้ที่มีอาการภูมิแพ้หรือเป็นโรคหอบหืดมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังมากขึ้น ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีหรือโรคเอดส์ มีภาวะหัวใจล้มเหลว และโรคพาร์กินสันมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคผื่นต่อมไขมันอักเสบ
  • สภาพแวดล้อมที่ทํางาน
    หากงานที่ทำต้องสัมผัสกับสารทําความสะอาด โลหะ หรือตัวทําละลายอยู่บ่อย ๆ เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดผื่นผิวหนังอักเสบจากการสัมผัสบริเวณมือได้สูงขึ้น

      ภาวะแทรกซ้อน

      • เกิดแผลจากการเกาผิวหนัง
      • มีการติดเชื้อแทรกซ้อนบริเวณผิวหนัง
      • มีรอยคล้ำดำตามมาบริเวณที่เคยมีผื่น

      การป้องกัน

      • สวมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลหรือชุดป้องกันหากต้องทํางานกับสารเคมีหรือสารก่อการระคายเคืองทุกวัน
      • หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนหรือใช้สบู่ที่ทําให้ผิวแห้ง อาบน้ำอุณหภูมิห้องไม่เกิน 5-10 นาที โดยใช้สบู่ที่อ่อนโยนและมีโอกาสทำให้แพ้น้อย
      • ทําให้ผิวชุ่มชื้นอยู่เสมอโดยการทาครีมหรือโลชั่น จากการศึกษาพบว่าการทาครีมหรือโลชั่นให้กับทารกที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคภูมิแพ้ผิวหนังสูง ช่วยลดอุบัติการณ์โรคภูมิแพ้ผิวหนังลงถึง 50%

      การตรวจวินิจฉัย

      • การซักประวัติและการตรวจร่างกาย
        แพทย์จะตรวจวินิจฉัยสภาพผิวและอาจสั่งตัดตัวอย่างชิ้นเนื้อไปตรวจ ถ้าจำเป็น
      • การตรวจหาสารก่อภูมิแพ้ที่ผิวหนังด้วย Patch Test
        เพื่อตรวจสอบว่ามีอาการแพ้ต่อสารที่เลือกมาทดสอบหรือไม่

      การรักษา

      • ยาทากลุ่มสเตียรอยด์ ซึ่งมีหลายรูปแบบ เช่น เจล ครีม ขี้ผึ้ง โลชั่น
      • ยาทากลุ่ม calcineurin inhibitor 
      • การฉายแสงแดดเทียม
      • การประคบด้วยน้ำเกลือสําหรับโรคภูมิแพ้ผิวหนังรุนแรง
      • การรับประทานยาคอร์ติโคสเตียรอยด์หรือยาฉีด dupilumab ในรายที่เป็นรุนแรง

      การเตรียมตัวก่อนพบแพทย์

      ก่อนพบแพทย์ ผู้ป่วยอาจจดคําถามที่ต้องการถามแพทย์ไว้ เช่น

      • อะไรคือสาเหตุของอาการ
      • เป็นอาการชั่วคราวใช่หรือไม่
      • ควรต้องใช้ยาอะไรบ้าง

      และเตรียมคําตอบสําหรับคําถามที่แพทย์อาจถาม เช่น

      • คุณอาบน้ำบ่อยแค่ไหน
      • ใช้ผลิตภัณฑ์ผิวหนังอะไรบ้าง
      • สัมผัสกับสารเคมีหรือสารระคายเคืองที่บ้านหรือที่ทํางานบ้างหรือไม่
      • ช่วงนี้รู้สึกเครียดหรือไม่
      • นอนหลับสนิทหรือไม่
      • มีคนในครอบครัวเป็นโรคหอบหืดหรือโรคภูมิแพ้หรือไม่
      • อะไรทําให้อาการดีขึ้นหรือแย่ลง





      บทความโดย
      พญ.นัทธมน บวรสถิตชัย
      แพทย์ผู้ชำนาญการด้านตจวิทยา (โรคผิวหนัง)
      ประวัติแพทย์

      เผยแพร่เมื่อ: 02 ม.ค. 2023

      แชร์