ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือ ภาวะขาดประจำเดือน
ประจำเดือน เกิดจากการที่เยื่อบุโพรงมดลูกหลุดลอก กลายเป็นเลือดและเนื้อเยื่อออกมาทางช่องคลอด ซึ่งการมีรอบเดือนนั้นเป็นผลมาจากการควบคุมของระบบอวัยวะสืบพันธุ์อันซับซ้อน โดยสมองส่วนล่าง (hypothalamus) ทำหน้าที่ควบคุมต่อมใต้สมอง (pituitary gland) ซึ่งควบคุมการตกไข่ รังไข่ทำหน้าที่สร้างไข่และฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ซึ่งมดลูกจะตอบสนองต่อฮอร์โมนดังกล่าวและสร้างเยื่อบุโพรงมดลูกให้หนาขึ้น พร้อมสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อนและการตั้งครรภ์
ภาวะขาดประจำเดือน หรือประจำเดือนมาไม่ปกติ คือการที่ไม่มีประจำเดือนนานราว 3-6 เดือน โดยผู้หญิง 1 ใน 4 คนมักเคยประสบกับภาวะดังกล่าวอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต
ประเภทของภาวะขาดประจำเดือน
- ภาวะขาดประจำเดือนแบบปฐมภูมิ คือ การไม่มีประจำเดือนเมื่ออายุครบ 15 ปี หรือหลังเข้าวัยเจริญพันธุ์มาแล้ว 5 ปี ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากพันธุกรรมหรืออาจเกิดขึ้นภายหลัง
- ภาวะขาดประจำเดือนแบบทุติยภูมิ คือ การไม่มีประจำเดือนเป็นเวลา 3-6 เดือน ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการตั้งครรภ์ การให้นมบุตร ความเครียด หรือโรคเรื้อรัง
อาการประจำเดือนมาไม่ปกติ
อาการหลักคือการไม่มีประจำเดือน โดยอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับสาเหตุของภาวะขาดประจำเดือน
- อาการจากภาวะหมดประจำเดือน เช่น ร้อนวูบวาบ มีขนขึ้นที่หน้าหรือร่างกาย ช่องคลอดแห้ง
- น้ำนมไหล
- สิว
- ปวดศีรษะ
- การมองเห็นเปลี่ยนไป
สาเหตุที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือประจำเดือนขาดไป
- ภาวะขาดประจำเดือนจากสาเหตุตามธรรมชาติ เช่น การตั้งครรภ์ การให้นมบุตร หรือวัยหมดประจำเดือน
- การใช้ยา เช่น ยาคุมกำเนิด ยาแก้แพ้ ยาควบคุมความดันโลหิต ยาต้านอาการทางจิต ยาต้านเศร้า เคมีบำบัด
- ปัจจัยทางด้านการดำเนินชีวิต เช่น การออกกำลังกายมากเกินไป การใช้พลังงานของร่างกายสูง ไขมันในร่างกายต่ำ น้ำหนักตัวน้อยกว่าน้ำหนักตัวมาตราฐานราว 10% ซึ่งมักพบในนักกีฬาหรือนักเต้นบัลเล่ต์ หรือเป็นโรคที่มีพฤติกรรมการรับประทานอาหารผิดปกติ ได้แก่ โรคล้วงคอ (bulimia) หรือ ภาวะไม่อยากอาหารจากปัญหาทางจิตใจ (anorexia) จะส่งผลต่อระดับฮอร์โมนและการตกไข่ จนทำให้ประจำเดือนไม่มา นอกจากนี้การที่มีความเครียดทางจิตใจก็ส่งผลต่อฮอร์โมนและรอบเดือนได้
- ระดับฮอร์โมนที่ไม่สมดุล เนื่องจากปัญหาทางสุขภาพ เช่น ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ ซึ่งส่งผลให้ระดับฮอร์โมนสูงอยู่ตลอดเวลา ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ อันได้แก่ ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์ ซึ่งทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ เนื้องอกที่ต่อมใต้สมอง หรือภาวะหมดประจำเดือนก่อนวัยอันควร
- ปัญหาทางด้านอวัยวะสืบพันธุ์
- ภาวะมีพังผืดในโพรงมดลูก เนื่องจาก Asherman's syndrome ซึ่งอาจเกิดจากการผ่าคลอด การรักษาพังผืดมดลูก หรือการขูดมดลูก
- ไม่มีอวัยวะสืบพันธุ์ เช่น มดลูก ปากมดลูก หรือช่องคลอด ตั้งแต่กำเนิด
- ช่องคลอดตีบหรืออุดตัน ขัดขวางการไหลของประจำเดือน
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ
ปัจจัยเสี่ยงของภาวะขาดประจำเดือน ได้แก่ ความเครียด การออกกำลังเข้มข้นมากจนเกินไป น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป การรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ พฤติกรรมการรับประทานอาหารที่ผิดปกติ โรคเรื้อรัง มีประวัติของคนในครอบครัวเข้าสู่วัยทองก่อนวัยหรือมีภาวะขาดประจำเดือน หรือมีโรคทางพันธุกรรมที่ส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง
ภาวะแทรกซ้อนหากมีภาวะขาดประจำเดือน
- ภาวะมีบุตรยากในผู้ที่มีภาวะตกไข่ไม่สม่ำเสมอ
- เสี่ยงต่อภาวะแท้งบุตรหากภาวะขาดประจำเดือนเกิดจากความไม่สมดุลของระดับฮอร์โมนในร่างกาย
- เสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนและโรคหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจากระดับฮอร์โมนเอสโทรเจนไม่เพียงพอ
- ปวดท้องน้อย หากภาวะขาดประจำเดือนเกิดจากปัญหาทางด้านกายภาพ
- เกิดความเครียดทางจิตใจเนื่องจากประจำเดือนไม่มาตามปรกติ
การตรวจวินิจฉัย
- การซักถามประวัติและตรวจร่างกาย
แพทย์จะซักถามประวัติการมีประจำเดือนและทำการตรวจภายใน หากผู้ป่วยจดบันทึกการมีประจำเดือนเอาไว้จะช่วยในการวินิจฉัยสาเหตุของโรคได้ - การตรวจการตั้งครรภ์
- การตรวจเลือด
- การตรวจพันธุกรรม เพื่อประเมินว่ามีภาวะรังไข่หยุดทำงานหรือไม่ โดยเฉพาะผู้ที่อายุน้อยกว่า 40 ปี
- การตรวจวินิจฉัยด้วยภาพถ่าย เช่น อัลตราซาวด์รังไข่และมดลูก หรือการตรวจ MRI เพื่อตรวจต่อมใต้สมอง
รักษาภาวะขาดประเดือน หรือ ประจำเดือนมาไม่ปกติ
ภาวะขาดประจำเดือนจากการตั้งครรภ์ การให้นมบุตร การหมดประจำเดือนไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา หากภาวะขาดประจำเดือนเกิดจากปัญหาด้านอื่น ๆ การปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตอาจช่วยได้ โดยเริ่มรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เช่น ยกน้ำหนักหรือออกกำลังกายเพื่อสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง และจัดการกับความเครียดที่มี บางรายอาจจะต้องรับประทานยาฮอร์โมน เช่น เอสโทรเจน แคลเซียม หรือวิตามินดี แพทย์อาจทำการผ่าตัดในผู้ป่วยที่มีพังผืดในมดลูก เนื้องอกต่อมใต้สมอง มีผนังกั้นช่องคลอดหรือภาวะเยื่อพรหมจรรย์ไม่เปิด
การป้องกันประจำเดือนมาไม่ปกติ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบห้าหมู่
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอและมีคุณภาพ
- จัดการกับความเครียด
- พบสูตินรีแพทย์ตามนัดเพื่อเข้ารับการตรวจภายในและตรวจแปบสเมียร์
- จดบันทึกการมีรอบเดือนในแต่ละครั้ง เพื่อดูว่าเริ่มมีรอบเดือนวันใดและนานเท่าไร? ประจำเดือนขาดบ้างหรือไม่?
การเตรียมตัวก่อนพบแพทย์
- สอบถามคนในครอบครัวว่ามีใครเคยมีภาวะขาดประจำเดือนหรือไม่ ?
- จดบันทึกอาการที่มี วันและระยะเวลาที่มีประจำเดือน ยาและอาหารเสริมที่กำลังรับประทาน ปัญหาที่กระทบจิตใจที่กำลังเผชิญอยู่ รวมถึงคำถามที่ต้องการถามแพทย์ เช่น
- ภาวะขาดประจำเดือนเกิดจากอะไร?
- จำเป็นต้องเข้ารับการตรวจเพิ่มเติมหรือไม่?
- ควรเข้ารับการรักษาด้วยวิธีใดบ้าง?
นอกจากนี้ผู้ป่วยอาจเตรียมคำตอบสำหรับคำถามที่แพทย์มักจะถามไว้ล่วงหน้าได้
- มีประจำเดือนครั้งล่าสุดเมื่อไร?
- มีเพศสัมพันธ์เป็นประจำหรือไม่?
- คุมกำเนิดหรือไม่?
- กำลังเผชิญกับความเครียดใด ๆ หรือไม่?
- น้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือลดลงหรือไม่?
- ออกกำลังกายเป็นประจำหรือไม่?
- มีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ หรือไม่?