9 ความเชื่อ การตั้งครรภ์ คุณแม่ท้องควรรู้
เชื่อว่าคุณแม่ตั้งครรภ์หลายคน ยังคงผูกพันกับความเชื่อที่ถูกส่งต่อกันมา หรือที่แชร์กันบนโลกอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาหารการกิน กิจวัตรประจำวัน หรือแม้แต่พิธีกรรมต่าง ๆ ที่เชื่อว่าจะส่งผลต่อแม่และเด็กในครรภ์ มักสร้างความเข้าใจที่อาจนำมาซึ่งพฤติกรรมผิด ๆ ที่เกิดจากข้อมูลไม่ถูกต้อง เมดพาร์คจะมาไขข้อข้องใจด้วยข้อมูลที่เป็นประโยชน์ จากแพทย์เฉพาะทางให้หายสงสัย
ตั้งครรภ์แล้วไม่ควรเอกซเรย์ จริงหรือไม่
คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับผู้ป่วยแต่ละราย
ในผู้หญิงตั้งครรภ์ เมื่อจำเป็นต้องตรวจวินิจฉัยอวัยวะภายใน บางครั้งแพทย์จะแนะนำให้ตรวจด้วยคลื่นเสียงความเสี่ยงสูง หรือ อัลตร้าซาวนด์ แทนการเอกซเรย์ เพราะรังสีเอกซ์ สามารถส่งผลต่อทารกในครรภ์ได้ โดยความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจะมากน้อย แพทย์จะพิจารณา 3 ข้อหลัก ๆ ได้แก่
- อายุครรภ์ที่ตรวจ หากอายุครรภ์ช่วง 3 เดือนแรก จะมีผลต่อการสร้างอวัยวะของทารก และมีความเสี่ยงสูง
- ตำแหน่งที่ตรวจ หากเป็นบริเวณช่องท้องก็อาจเกิดอันตรายแก่ทารกโดยตรง เกิดผลกระทบได้มากกว่าเอกซเรย์บริเวณแขน ขา หรือช่องอก
- ปริมาณของรังสีที่ใช้
อย่างไรก็ตาม แพทย์จะเป็นผู้ประเมินการตรวจด้วยเอกซเรย์เป็นราย ๆ ไป ถึงความจำเป็น และปัจจัยเสี่ยงตามที่กล่าวมาทั้ง 3 ข้อ จึงไม่สามารถระบุได้แน่ชัด ว่าควรหรือไม่ควรตรวจด้วยการเอกซเรย์ และทารกในครรภ์มีความเสี่ยงที่จะโดนรังสีหรือไม่
คุณแม่ท้อง ดื่มนมวัวทุกวัน ลูกจะแพ้ จริงหรือไม่
คำตอบคือ ยังไม่มีคำอธิบายแน่ชัด
คุณแม่หลายคนในช่วงตั้งครรภ์จะดื่มนมเยอะ เพราะอยากบำรุงร่างกาย บำรุงกระดูกให้แข็งแรง รวมไปถึงบำรุงลูกในท้อง ตามข้อเท็จจริงคือ ช่วงนี้คุณแม่จะต้องการแคลเซียมสูงถึงประมาณ 800 มิลลิกรัมต่อวันเลย ซึ่งนมกล่องที่ดื่มกันจะมีแคลเซียมอยู่ประมาณ 300-400 มิลลิกรัม
มีความเชื่อว่าในนมวัวมีสารบางอย่าง ที่อาจไปกระตุ้นให้เกิดการแพ้ขึ้นในช่วงตั้งครรภ์ และอาจจะส่งสารนี้ไปสู่ทารกในครรภ์ แล้วพอลูกคลอดออกมาจึงแพ้นมวัว
แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่นที่ส่งผลต่อกระบวนการแพ้ เช่น พันธุกรรม หากในครอบครัวมีคนแพ้นมวัว แพ้สารอาหารบางตัว หรือมีอาการภูมิแพ้ในอวัยวะอย่างอื่น อาจจะเป็นตัวบอกว่าเด็กมีความเสี่ยงต่อการแพ้สารบางอย่างด้วย
ข้อนี้จึงยังอาจไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าการที่คุณแม่ดื่มนมวัวมาก ๆ แล้วจะส่งให้เด็กในท้องแพ้นมวัวหรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ ในช่วงตั้งครรภ์ควรได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอ จึงแนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนด้านโภชนาการเพิ่มเติม
คุณแม่หลังผ่าคลอด กินคอลลาเจน ช่วยให้แผลหายเร็ว จริงหรือไม่
คำตอบคือ ไม่จริง
คอลลาเจน คือ โปรตีนสายยาว ซึ่งปกติจะอยู่ในผิวหนัง ในเนื้อเยื่อต่าง ๆ เมือกินคอลลาเจน คอลลาเจนก็จะเข้าสู่ร่างกาย ดูดซึมเป็นกรดอะมิโน ไม่ต่างจากโปรตีนแบบอื่นๆ ที่สามารถเข้าไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้เช่นกัน ข้อมูลในทางการแพทย์ คอลลาเจนไม่ได้ช่วยให้แผลหายเร็ว
หากอยากให้แผลผ่าตัดหายไว สามารถกินอาหารตามปกติได้ เน้นกินอาหารที่มีโปรตีนและดื่มน้ำอย่างเพียงพอ บางครั้งแพทย์ก็จะแนะนำให้เสริมวิตามินและแร่ธาตุเพื่อช่วยส่งเสริมให้แผลหายไวขึ้น เช่น ธาตุเหล็ก วิตามินซี
คนท้อง ไม่ควรทำเลเซอร์ยกกระชับใบหน้า จริงหรือไม่
คำตอบคือ จริง
ในทางการแพทย์ ไม่มีข้อมูลชัดเจน ว่าการทำเลเซอร์ที่เนื้อเยื่อชั้นผิว จะส่งหรือไม่ส่งผลกระทบถึงทารกในครรภ์ แพทย์จึงจะยังไม่แนะนำให้ทำเลเซอร์ในช่วงตั้งครรภ์
คุณแม่ท้องห้ามทำจมูก จริงหรือไม่
คำตอบคือ จริง
โดยปกติ แพทย์จะไม่แนะนำให้ผ่าตัดศัลยกรรมความงามในช่วงตั้งครรภ์ เพราะการผ่าตัดจะต้องฉีดยาชาเฉพาะที่ ซึ่งยาชา ยากล่อมประสาท ส่งผลต่อทารกในครรภ์ได้ และหลังการผ่าตัด อาจต้องกินยาฆ่าเชื้อ ยาแก้ปวดต่าง ๆ ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อทารกได้ทั้งสิ้น
คนท้องเลี้ยงแมว เสี่ยงทำให้ลูกในท้องเสียชีวิต จริงหรือไม่
คำตอบคือ จริง
แมว เป็นแหล่งอาศัยของเชื้อปาราสิตชนิดหนึ่ง เรียกว่า Toxoplasma gondii ซึ่งสามารถเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ผ่านการจับ สัมผัสอุจจาระของแมว แล้วหากเราล้างมือไม่สะอาด ไปประกอบอาหาร หรือหยิบอาหารเข้าปาก เชื้อจะปนเปื้อนแล้วไปสู่ลำไส้ ส่งตัวอ่อนไปที่รกและทารกในครรภ์ ก่อให้เกิดการติดเชื้อรุนแรง และถ้าติดเชื้อในช่วงตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก คุณแม่มีโอกาสแท้งได้เลย ถ้าหากติดเชื้อหลังจากช่วง 3 เดือนแรก อาจจะไม่แท้ง แต่ส่งผลเสียต่อเด็ก และอาจก่อให้เกิดการพิการในอวัยวะบางอย่างได้
ดังนั้น จึงควรดูแลความสะอาด โดยเฉพาะในบ้านที่มีแมว มีสัตว์เลี้ยง ล้างมือทุกครั้งก่อนทำอาหารหรือรับประทานอาหาร
คนท้องห้ามนวด จริงหรือไม่
คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับผู้ป่วยแต่ละราย
การนวดในหญิงตั้งครรภ์ อุปกรณ์และวิธีการ ต้องเหมาะสมกับกับหญิงตั้งครรภ์โดยเฉพาะ แต่ถ้าในกรณีที่คุณแม่มีภาวะแทรกซ้อนบางอย่าง เช่น แท้งคุกคาม รกเกาะต่ำ หลอดเลือดดำอุดตัน แพทย์จะไม่แนะนำให้นวดเด็ดขาด เพราะการนวด อาจส่งผลให้ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้รุนแรงขึ้นได้
คนท้องกินยาแก้ปวด พาราฯ เสี่ยงทำให้ลูกสมาธิสั้น จริงหรือไม่
คำตอบคือ ไม่จริง
ยาพาราเซตามอล เป็นยามาตรฐาน ใช้กินแก้ปวด ลดไข้ และไม่มีหลักฐานทางการแพทย์บ่งชี้ว่าการกินยาพาราเซตามอล มีความสัมพันธ์กับอาการสมาธิสั้นในเด็ก ดังนั้น หากคุณแม่ท้องมีอาการปวดสามารถกินยาพาราเซตามอลได้
คนท้องกินน้ำเย็น ลูกในท้องจะหนาว จริงหรือไม่
คำตอบคือ ไม่จริง
ไม่ว่าคุณแม่จะกินน้ำร้อนหรือน้ำเย็นเข้าไป ร่างกายจะปรับอุณหภูมิให้เท่ากับอุณหภูมิของร่างกาย (ประมาณ 37 องศาเซลเซียส) ทำให้อุณหภูมิน้ำหรืออาหารที่กินเข้าไป จะไม่ได้ส่งผ่านไปยังทารกในครรภ์ การกินน้ำเย็นไม่ได้ทำให้ทารกหนาวแน่นอน

และเหล่านี้คือข้อสงสัย ความเชื่อ ความเข้าใจที่แชร์กันบนโลกอินเทอร์เน็ตบางส่วน ซึ่งหลายคนยังไม่ทราบข้อเท็จจริง หากยังมีความกังวลอื่น ๆ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง หรือแพทย์ที่ฝากครรภ์โดยตรง เพื่อได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง และดูแลสุขภาพระหว่างการตั้งครรภ์อย่างเหมาะสม
