คนเรามีฟันกี่ซี่
มนุษย์เราจะเกิดมาพร้อมเหงือกที่ยังไม่มีฟันขึ้น ฟันชุดแรกที่ขึ้นจะเรียกว่าฟันน้ำนม มักจะปรากฏให้เห็นในช่วงอายุ 6 เดือน ขณะที่ฟันชุดที่สอง หรือฟันแท้ จะเริ่มขึ้นมาแทนที่ฟันน้ำนมเมื่อมีอายุ 6 ขวบเป็นต้นไป ฟันเป็นส่วนสำคัญของโครงหน้าและมีบทบาทในการย่อยอาหารและการพัฒนาการพูดออกเสียง และถึงแม้ฟันจะดูคล้ายกระดูก แต่ฟันนั้นมีความแตกต่างจากกระดูก
มนุษย์จะมีประเภท จำนวน และการเรียงตัวของฟันทั้งสองชุดที่สมมาตรกันระหว่างฝั่งซ้ายและขวาทั้งด้านบนและด้านล่างของช่องปาก เป็นเหมือนภาพเงาสะท้อนของกันและกันในแต่ละด้าน
ฟันน้ำนม (Deciduous teeth)
ฟันซี่แรกของเด็กอาจขึ้นได้เร็วสุดตั้งแต่ช่วงอายุ 3 เดือน แต่โดยทั่วไปแล้ว ฟันน้ำนมของเด็กจะขึ้นตั้งแต่ช่วง 4 – 7 เดือน ปกติฟันน้ำนมซี่ใหม่จะขึ้นทุก ๆ 6 เดือน และกว่าที่ฟันน้ำนมของเด็กจะขึ้นครบหมดนั้น ใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี จำนวนทั้งหมดของฟันเด็ก หรือฟันน้ำนม จะอยู่ที่ 20 ซี่ แบ่งเป็น ฟันบน 10 ซี่ ฟันล่าง 10 ซี่
ประเภท จำนวน และการเรียงตัวของฟันน้ำนม
- ฟันหน้าตัด (ทั้งหมด 8 ซี่) เป็นฟัน 4 ซี่ที่อยู่ด้านหน้าขากรรไกรบนและล่าง ช่วยเรื่องการตัดและเคี้ยวอาหาร
- ฟันฉีกหรือฟันเขี้ยว (ทั้งหมด 4 ซี่) เป็นฟันรูปร่างแหลม อยู่ติดกับฟันหน้าตัด ช่วยเรื่องการฉีกอาหาร
- ฟันกรามน้ำนม (8 ซี่) เป็นฟันที่อยู่ด้านหลังของช่องปาก มีพื้นผิวกว้างและเรียบเพื่อใช้บดอาหาร
ฟันน้ำนมเป็นรากฐานสำคัญของกระดูกขากรรไกรและการพัฒนาของโครงสร้างใบหน้า ทั้งยังมีส่วนในการเคี้ยวและการพูดด้วย แต่ฟันน้ำนมจะอยู่เพียงชั่วคราว และค่อย ๆ ถูกแทนที่ด้วยฟันชุดที่แข็งแรงกว่าเมื่อเด็กโตขึ้น
หากฟันน้ำนมผุ อาจส่งผลเสียต่อฟันแท้ได้ จึงควรหมั่นทำความสะอาดฟันน้ำนมเพื่อให้สะอาดและแข็งแรง
วิธีดูแลรักษาฟันน้ำนม
- เริ่มทำความสะอาดฟันให้เด็กเป็นประจำ ตั้งแต่ฟันซี่แรกขึ้น
- เช็ดถูฟันแต่ละซี่ รวมถึงเหงือกของเด็กด้วยผ้าขนหนูสะอาดชุบน้ำอุ่น
- ให้เด็กงับผ้าขนหนูเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดเหงือกขณะที่ฟันกำลังขึ้น
- เมื่อฟันหน้าน้ำนมขึ้นมาหลายซี่แล้ว ให้เปลี่ยนมาใช้แปรงสีฟัน โดยแนะนำให้ใช้แปรงสีฟันที่มีหัวเล็กเพื่อให้ทำความสะอาดฟันได้ทั่วถึงทุกซี่
ฟันผู้ใหญ่ ฟันแท้ (Permanent teeth)
ฟันน้ำนมจะเริ่มหลุดประมาณ 5-6 ขวบ ฟันแท้มีจำนวนทั้งหมด 32 ซี่ โดยจะขึ้นจนครบในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย แต่อาจช้าสุดในช่วงอายุ 20 ต้น ๆ ฟันแท้จะเรียงตัวแบบสมมาตรกันทั้งในขากรรไกรบนและล่าง แต่ละประเภทจะอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด
ฟันแท้ แบ่งได้เป็น 4 กลุ่ม
- ฟันหน้าตัด (ทั้งหมด 8 ซี่) เป็นฟันแท้ 4 ซี่ที่อยู่ตรงกลางทั้งบนและล่าง ช่วยตัดอาหารขณะเคี้ยว และช่วยเรื่องการรับสัมผัสเนื้ออาหารและชนิดอาหารที่รับประทาน
- ฟันฉีกหรือฟันเขี้ยว (ทั้งหมด 4 ซี่) ฟันเขี้ยวจะมีรูปร่างแหลมกว่าฟันกลุ่มอื่น โดยจะอยู่ติดกับฟันหน้าตัดทั้งบนและล่าง มี 1 ซี่ด้านซ้าย และ 1 ซี่ด้านขวา ช่วยฉีกอาหารอย่างเนื้อสัตว์ เป็นต้น
- ฟันกรามน้อย (ทั้งหมด 8 ซี่) ฟันแท้กลุ่มนี้จะอยู่ระหว่างฟันเขี้ยวและฟันกราม มีด้วยกัน 2 ซี่ในแต่ละด้าน โดยจะมีลักษณะเหมือนกับฟันกราม เพียงแต่จะมีปุ่มฟัน 2 ปุ่ม ต่างจากฟันกรามที่จะมี 4 หรือ 5 ปุ่ม ฟันกรามน้อยช่วยฉีกและตัดอาหาร
- ฟันกราม (ทั้งหมด 12 ซี่) ฟันกรามจะอยู่ด้านในสุด มีหน้าที่บดอาหารก่อนกลืนเพื่อให้ร่างกายย่อยได้สะดวก ผู้ใหญ่ส่วนมากมีฟันกราม 3 ซี่ในแต่ละด้าน ซึ่งรวมถึงฟันคุด 1 ซี่ในแต่ละด้าน เป็นฟันที่จะโผล่ขึ้นมาช้าที่สุด
โอกาสที่ฟันแท้ทั้ง 32 ซี่จะเรียงกันเป็นปกตินั้นเกิดขึ้นไม่บ่อย หากมีฟันเรียงซ้อนกันมากเกินไป หรือที่เรียกว่า ฟันซ้อนเก จะทำให้เกิดผลเสียต่อไปนี้
- ฟันเรียงตัวไม่เป็นระเบียบ
- มีความเสี่ยงที่จะเกิดฟันผุมากขึ้น
- มีฟันคุด
- มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคปริทันต์อักเสบ (โรคเหงือกอักเสบ)
ดังนั้น พวกเราบางคนจึงเลือกที่จะถอนฟันคุดเพราะเชื่อว่าจะช่วยลดโอกาสทำให้เกิดฟันซ้อนเกมากขึ้น
ส่วนประกอบของฟัน มีอะไรบ้าง
แม้ฟันจะดูคล้ายคลึงกับกระดูก แต่ฟันแตกต่างจากกระดูก เพราะเมื่อเกิดแตกหักเสียหาย ฟันไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้เหมือนที่กระดูกสร้างแคลลัสขึ้น ความแตกต่างอีกอย่างระหว่างฟันและกระดูกคือ ฟันไม่มีไขกระดูก (Marrow) แต่จะมีโพรงประสาทฟันแทน
ส่วนประกอบของฟัน ได้แก่
- ชั้นเคลือบฟัน (Enamel): ชั้นเคลือบฟันเป็นเนื้อเยื่อแข็งที่แข็งที่สุดในร่างกายมนุษย์ อยู่ชั้นนอกสุดของตัวฟัน ช่วยป้องกันการสึกหรอจากการใช้งานในแต่ละวัน และป้องกันแบคทีเรียที่จะทำให้เกิดฟันผุ
- เนื้อฟัน (Dentin): เนื้อฟันเป็นชั้นที่อยู่ใต้ชั้นเคลือบฟัน แต่แข็งแรงน้อยกว่า หากเนื้อฟันไม่มีชั้นเคลือบฟันคอยปกป้อง จะมีโอกาสเสี่ยงที่เกิดฟันผุมากกว่า
- ชั้นเคลือบรากฟัน (Cementum): ชั้นเคลือบรากฟันเป็นเนื้อเยื่อที่คลุมรากฟันเอาไว้ ทำหน้าที่ยึดฟันให้อยู่กับขากรรไกร
- โพรงประสาทฟัน (Pulp): โพรงประสาทฟันจะอยู่ชั้นในสุดของฟัน มีเส้นเลือด เส้นประสาท และเนื้อเยื่ออยู่ภายใน
ปัญหาเกี่ยวกับฟันที่พบบ่อย
ปัญหาเกี่ยวกับฟันที่พบบ่อย ได้แก่
- นอนกัดฟัน: ปัญหานี้จะทำลายชั้นเคลือบฟันสึกหายไปเรื่อย ๆ ส่งผลให้ฟันเสียหายได้ง่ายมากขึ้น
- ฟันผุ: สภาพฟันผุนี้เกิดขึ้นเมื่อโดนแบคทีเรียทำลายชั้นเคลือบฟันที่อยู่ข้างนอกสุด
- ฟันคุด: ฟันคุดคือฟันที่ไม่สามารถขึ้นได้ตามปกติ มักจะติดฝังอยู่ในขากรรไกรหรือภายใต้เหงือก
- อาการเสียวฟัน: ปัญหานี้มักเกิดจากการที่ชั้นเคลือบฟันเสียหายไป หรือรากฟันโผล่
- การบาดเจ็บที่เกิดกับตัวฟัน: การบาดเจ็บอาจเกิดจากการเล่นกีฬาหรือจากอุบัติเหตุ บางครั้งอาจทำให้ฟันบิ่นหรือแตกหักได้
- ฟันเปลี่ยนสี: อาหาร เครื่องดื่ม ยา และปัจจัยอื่น ๆ อาจทำให้ฟันเปลี่ยนสีได้
- ฟันเรียงตัวไม่เป็นระเบียบ: ปัญหาเกี่ยวกับการเรียงตัวไม่เป็นระเบียบของฟัน ประกอบด้วย ฟันเก ฟันหมุน ฟันห่าง และฟันชิดกันเกินไป ปัญหาเหล่านี้อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพช่องปากได้
- หนองที่ฟัน: การมีหนองที่ฟัน เกิดขึ้นได้เมื่อมีการติดเชื้อแบคทีเรียในโพรงประสาทฟัน
- โรคเหงือก: โรคเหงือกเป็นการติดเชื้อที่เกิดขึ้นที่เหงือกและเนื้อเยื่ออ่อนรอบ ๆ เหงือก แม้โรคนี้จะเกิดขึ้นที่เหงือก แต่อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ฟัน และทำให้สูญเสียฟันได้
วิธีการรักษาฟัน ดูแลฟัน
วิธีที่นิยมใช้รักษาปัญหาเกี่ยวกับฟัน ได้แก่
- การใส่ฟันเทียม
- การอุดฟัน
- การทำสะพานฟัน
- การทำครอบฟัน
- การใส่รากฟันเทียม
- การทำเคลือบพอร์เซเลนปิดหน้าฟัน (Porcelain Veneer)
- การจัดฟัน
- การฟอกสีฟัน
การป้องกัน
สิ่งสำคัญในการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับฟัน คือการรักษาสุขภาพฟันให้ดีอยู่เสมอ มาตรการที่ช่วยป้องกันได้ ได้แก่
- แปรงฟันนานอย่างน้อย 2 นาทีเป็นอย่างต่ำ วันละ 2 ครั้งต่อวัน โดยใช้แปรงสีฟันขนอ่อนและยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์
- พบทันตแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจสุขภาพฟันและดูแลทำความสะอาดฟัน
- ใช้ไหมขัดฟันและน้ำยาบ้วนปากปราศจากแอลกอฮอล์เพื่อลดการสะสมของแบคทีเรีย
คำถามที่พบบ่อย
- ถ้ามีฟันบางซี่หายไป จะเป็นอะไรหรือเปล่า
พวกเราบางคนเกิดมาโดยมีฟันไม่ครบซี่ ขณะที่บางคนอาจสูญเสียฟันไปด้วยฟันผุ โรคเหงือก หรือการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นกับฟัน ปัจจัยที่แต่ละคนควรนำมาพิจารณา เพื่อตัดสินใจว่าจะใส่ฟันทดแทนหรือไม่ หลายครั้งพิจารณาได้จาก ตำแหน่งของฟันที่หายไป และเป้าหมายของการมีสุขภาพช่องปากที่ดี โดยทางเลือกสำหรับการใส่ฟันทดแทนในปัจจุบันมีหลากหลายวิธี เช่น การทำรากฟันเทียม การทำสะพานฟัน และการทำฟันเทียม เป็นต้น - ทำไมรู้สึกปวดฟันได้ เมื่อฟันมีปัญหา
ฟันแต่ละซี่จะมีเส้นเลือดและเส้นประสาทอยู่บริเวณในโพรงประสาทฟัน เมื่อโพรงประสาทฟันติดเชื้อแบคทีเรีย เส้นประสาทจะส่งสัญญาณความเจ็บปวดออกไป
คำแนะนำจากแพทย์โรงพยาบาลเมดพาร์ค
เนื่องจากฟันเป็นอวัยวะที่สำคัญต่อระบบย่อยอาหาร พัฒนาการด้านการพูด และโครงสร้างใบหน้า เราจึงจำเป็นต้องดูแลรักษาให้ฟันมีสุขภาพดีไปได้ตราบนานเท่านาน การดูแลรักษาฟันอย่างถูกต้องเป็นสิ่งจำเป็นต่อการพัฒนาของฟันทุกขั้น เพื่อให้มีสุขภาพช่องปากที่ดีและมีรอยยิ้มที่สดใส สิ่งที่จะช่วยรักษาสุขภาพและความงามของฟันได้ คือ การพบทันตแพทย์เป็นประจำและหมั่นคอยดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากทุกวัน