เลือกหัวข้อที่อ่าน
- ความดันปกติ เท่าไหร่
- ความดันปกติ แบ่งตามช่วงอายุ
- วิธีวัดความดันโลหิตด้วยตนเองที่บ้าน
- ความดันโลหิตสูงเกิดจาก
- ความดันโลหิตต่ำเกิดจาก
- ความดันโลหิตสูงควรทำอย่างไร
- ความดันขึ้น 200 ควรทำอย่างไร
ความดันปกติ (Normal Blood Pressure)
ความดันปกติ เท่าไหร่
ความดันปกติ ของผู้ที่อายุ 18 ปีขึ้นไป โดยทั่วไปอยู่ที่ 120/80 มิลลิเมตรปรอท แบ่งเป็น ค่าความดันโลหิตตัวบน หรือค่าสูง (Systolic blood pressure) อยู่ที่ 120-129 มิลลิเมตรปรอท และค่าความดันโลหิตตัวล่าง หรือค่าต่ำ (Diastolic blood pressure) อยู่ที่ 80-84 มิลลิเมตรปรอท ตามตารางความดันโลหิต ดังต่อไปนี้
ระดับความดันโลหิต
ค่าความดันโลหิต |
ค่าซิสโตลิก (Systolic) |
และ/หรือ |
ค่าไดแอสโตลิก (Diastolic) |
ความดันโลหิตปกติ |
น้อยกว่า 120 มม. ปรอท |
และ |
น้อยกว่า 80 มม. ปรอท |
ความดันโลหิตสูงกว่าปกติ |
ระหว่าง 120-129 มม. ปรอท |
และ |
น้อยกว่า 80 มม. ปรอท |
ความดันโลหิตสูงระดับที่ 1 |
ระหว่าง 130-139 มม. ปรอท |
และ/หรือ |
ระหว่าง 80-89 มม. ปรอท |
ความดันโลหิตสูงระดับที่ 2 |
ระหว่าง 140-179 มม. ปรอท |
และ/หรือ |
ระหว่าง 90-109 มม. ปรอท |
ความดันโลหิตสูงวิกฤติ |
มากกว่า 180 มม. ปรอท |
และ/หรือ |
มากกว่า 110 มม. ปรอท |
ความดันโลหิตตัวบนสูง |
มากกว่า 140 มม. ปรอท |
และ |
น้อยกว่า 90 มม. ปรอท |
ความดันโลหิต คืออะไร
ความดันโลหิต คือ แรงดันภายในหลอดเลือดแดงที่เกิดจากการบีบและคลายตัวของหัวใจ เพื่อส่งเลือดให้ไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย แบ่งเป็น
- ค่าตัวบน หรือค่าสูง (Systolic blood pressure) คือ ค่าแรงดันในหลอดเลือดแดงขณะหัวใจบีบตัว
- ค่าตัวล่าง หรือค่าต่ำ (Diastolic blood pressure) คือ ค่าแรงดันในหลอดเลือดแดงขณะหัวใจคลายตัว
ความดันปกติ แบ่งตามช่วงอายุ
ค่าตัวบน (มม. ปรอท) |
ค่าตัวล่าง (มม. ปรอท) |
|
ความดันปกติ ทารก |
60-90 มม. ปรอท |
20-60 มม. ปรอท |
ความดันปกติเด็ก อายุ 3-6 ปี |
80-110 มม. ปรอท |
55-75 มม. ปรอท |
ความดันปกติเด็ก อายุ 7-17 ปี |
90-120 มม. ปรอท |
60-80 มม. ปรอท |
ความดันปกติผู้หญิง |
120-80 มม. ปรอท |
140-90 มม. ปรอท |
ความดันปกติผู้ชาย |
120-80 มม. ปรอท |
140-90 มม. ปรอท |
ความดันปกติ อายุ 20 ปี |
120-122 มม. ปรอท |
79-81 มม. ปรอท |
ความดันปกติ อายุ 30 ปี |
121-123 มม. ปรอท |
80-82 มม. ปรอท |
ความดันปกติ อายุ 40 ปี |
122-125 มม. ปรอท |
81-83 มม. ปรอท |
ความดันปกติ อายุ 50 ปี |
123-126 มม. ปรอท |
82-84 มม. ปรอท |
ความดันปกติ อายุ 60 ปี |
124-127 มม. ปรอท |
83-85 มม. ปรอท |
ความดันปกติ อายุ 70 ปี |
125-125 มม. ปรอท |
84-86 มม. ปรอท |
ความดันปกติ อายุ 80 ปี |
126-129 มม. ปรอท |
85-87 มม. ปรอท |
*ความดันปกติผู้สูงอายุ |
ไม่ควรเกิน 160/90 มม. |
|
วิธีวัดความดันโลหิตด้วยตนเองที่บ้าน
การวัดความดันโลหิตด้วยตนเองที่บ้าน เป็นไปเพื่อติดตามและควบคุมระดับความดันโลหิต เพื่อรวบรวมและนำข้อมูลที่ได้ส่งแพทย์เพื่อประกอบการวินิจฉัยและรักษา ทั้งนี้ ผู้วัดความดันจะต้องเตรียมเครื่องวัดให้พร้อม ปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้อง และต้องวัดความดันโลหิตต่อเนื่องอย่างน้อย 7 วันติดต่อกัน โดยแบ่งเป็น 2 ช่วงเวลา ได้แก่ 1.) หลังตื่นนอนตอนเช้า และ 2.) ก่อนเข้านอนตอนกลางคืน ตามรายละเอียด ดังต่อไปนี้
- วัดความดันโลหิตในช่วงเช้า 2 ครั้งติดกัน ภายใน 1 ชม. หลังตื่นนอนหรือหลังปัสสาวะ โดยให้เว้นระยะห่างกัน 1 นาที
- วัดความดันโลหิตก่อนเข้านอน 2 ครั้งติดกัน โดยให้เว้นระยะห่างกัน 1 นาที
- ก่อนวัดความดันโลหิต 5 นาที ให้นั่งเก้าอี้หลังพิงพนักเพื่อไม่ให้หลังเกร็ง วางเท้าทั้ง 2 ข้างราบกับพื้น เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย ไม่นั่งไขว่ห้าง กำมือ พูดคุย หรือขยับตัวไปมา
- วัดความดันโลหิตแขนข้างที่ไม่ถนัด หรือข้างที่มีความดันโลหิตสูงกว่า โดยวางแขนให้อยู่ในระดับเดียวกับหัวใจ
- ในการวัดความดันโลหิตก่อนเข้านอน ควรนั่งพักอย่างน้อย 30 นาที และทิ้งระยะห่าง 1 ชม. หลังรับประทานอาหารเย็น การออกกำลังกาย การทำกิจกรรมหนัก การสูบบุหรี่ ดื่มชา หรือกาแฟ
ผู้ที่มีค่าความดันโลหิตสูงกว่า 180/110 มม. ปรอท ควรพบแพทย์ทันที |
||||||
เวลาวัด |
ครั้งที่ 1 |
ครั้งที่ 2 |
การอ่านผล |
|||
|
ตัวบน |
ตัวล่าง |
ตัวบน |
ตัวล่าง |
ค่าเฉลี่ยตัวบน |
ค่าเฉลี่ยตัวล่าง |
ตอนเช้า |
110 |
80 |
112 |
84 |
115 (120+112)/2 |
85 (80+84)/2 |
ตอนกลางคืน |
120 |
75 |
110 |
82 |
118 (120+110)/2 |
78 (75+82)/2 |
ความดันโลหิตสูงเกิดจาก
ความดันโลหิตสูงเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งที่หาสาเหตุพบและหาสาเหตุไม่พบ เช่น อายุที่เพิ่มขึ้น กรรมพันธุ์ ความเครียด การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ การทานอาหารรสเค็มจัด อาหารโซเดียมสูง การไม่ออกกำลังกาย การพักผ่อนน้อย ภาวะหรือโรคบางอย่าง เช่น โรคอ้วน เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคไตเรื้อรัง โรคทางต่อมไทรอยด์ หรือภาวะหยุดหายใจขณะหลับ รวมถึงการใช้ยาบางชนิด และการตั้งครรภ์ ความดันโลหิตสูงที่ทราบสาเหตุและสามารถรักษาให้หายขาดได้ ถ้าได้รักษาที่ต้นเหตุ ได้แก่
- ภาวะฮอร์โมนอัลโดสเตอโรนสูงจากต่อมหมวกไต (เช่น กลุ่มอาการคอนน์)
- เนื้องอกต่อมหมากไตชนิดฟีโอโครโมไซโตมา (เนื้องอกที่หลั่งฮอร์โมนทีโคลามีน)
- กลุ่มอาการคุชชิง (ภาวะฮอร์โมนคอร์ติซอลเกิน)
- โรคอะโครเมกาลี หรือโรคเจ้ายักษ์ (ภาวะโกรทฮอร์โมนเกิน)
- ภาวะหลอดเลือดไตตีบแคบ
- ภาวะหลอดเลือดแดงเอออร์ตาตีบแคบ
อาการความดันโลหิตสูงที่ควรพบแพทย์
ความดันโลหิตสูงวิกฤติ (Hypertensive crisis) ที่ระดับ 180/110 มม. ปรอท ร่วมกับมีอาการดังต่อไปนี้ ถือเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ ควรรีบนำตัวส่ง รพ. ทันที ได้แก่
- ปวดหัวรุนแรงเฉียบพลัน
- เจ็บหน้าอกรุนแรง เจ็บกลางอกเหมือนมีของหนักมากดทับ
- เจ็บหน้าอกร้าวไปขากรรไกร แขนซ้าย และอาจมีอาการร่วม เช่น เหงื่อออก หน้ามืด เป็นลม คลื่นไส้ หายใจลำบาก
- เจ็บหน้าอกหรือปวดท้องอย่างเฉียบพลันหรือรุนแรง และ/หรือร้าวทะลุไปด้านหลัง
- หายใจถี่ หายใจลำบาก หายใจไม่ออก
- ใจสั่น ชีพจรเต้นไม่เป็นจังหวะ
- พูดลำบาก พูดไม่ชัด สับสน มึนงง
- มองเห็นไม่ชัด ตาพร่ามัว เห็นภาพซ้อน
- เหน็บชา แขนขาอ่อนแรง โดยเฉพาะซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย
- ปวดหัวเฉียบพลัน ร่วมกับปวดตึงบริเวณท้ายทอย และคลื่นไส้ อาเจียน
- เหนื่อยง่ายผิดปกติ
- ชักเกร็ง
ความดันโลหิตต่ำเกิดจาก
ความดันโลหิตต่ำเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ภาวะขาดน้ำ การตั้งครรภ์ การเสียเลือด ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ ปัญหาต่อมไทรอยด์ อาการแพ้อย่างรุนแรง ติดเชื้ออย่างรุนแรง หรือการขาดสารอาหาร รวมถึงยารักษาโรคบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ ยารักษาโรคพาร์กินสัน หรือยาต้านซึมเศร้าบางชนิด นอกจากนี้ ความดันโลหิตต่ำอย่างฉับพลัน ยังอาจเกิดจาก การเปลี่ยนท่ากะทันหัน เช่น จากท่านอนเป็นท่านั่ง วัยที่เพิ่มขึ้น โรคเบาหวาน หรือความผิดปกติของระบบประสาท
อาการความดันโลหิตต่ำที่ควรพบแพทย์
ความดันโลหิตต่ำเฉียบพลัน (90/60 มม. ปรอท) ร่วมกับภาวะช็อคและหมดสติ ถือเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ ควรรีบนำตัวส่ง รพ. ทันที ได้แก่
- วิงเวียนศีรษะรุนแรงและต่อเนื่องโดยเฉพาะเมื่อยีน หรือลุก-นั่งเปลี่ยนท่า
- เป็นลม หมดสติ
- สับสน มึนงง ขาดสมาธิ
- หายใจเร็วและตื้น
- ผิวเย็น ผิวชื้น ผิวซีด
- เจ็บแน่นหน้าอก
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ตาพร่ามัว มองเห็นภาพซ้อน
- หัวใจเต้นผิดจังหวะ
ความดันโลหิตสูงควรทำอย่างไร
ความดันโลหิตสูง สามารถควบคุมได้ด้วยการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต เช่น การทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ การเลิกบุหรี่ การจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์ และการผ่อนคลายความเครียด ทั้งนี้ ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงต่อเนื่อง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอาการอย่างละเอียด เพื่อพิจารณาการทานยาลดและควบคุมความดัน รวมถึงการวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคลในกรณีที่แพทย์ตรวจพบโรคหรือภาวะที่เป็นสาเหตุของความดันโลหิตสูง ทั้งนี้ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น เช่น โรคหัวใจ โรคไต และโรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น
ความดันโลหิตสูงกินอะไรหาย
อาหารที่ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงควรทาน ได้แก่ ผักใบเขียว ผลไม้รสเปรี้ยว ธัญพืชไม่ขัดสีที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามิน และแร่ธาตุ รวมถึงแหล่งโปรตีนไขมันต่ำ ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ ถั่วและเมล็ดธัญพืชที่มีไขมันดี ไฟเบอร์ และแมกนีเซียมที่ช่วยควบคุมและลดความดันโลหิต นอกจากนี้ยังควรเลือกน้ำมันในการประกอบอาหาร เช่น น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันอโวคาโด แทนไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ และควรจำกัดปริมาณโซเดียม ไขมันอิ่มตัว และน้ำตาลที่บริโภคในแต่ละวันอีกด้วย
ความ ดัน ขึ้น 200 ควร ทำ อย่างไร
ความดันโลหิตสูง 200 มม. ปรอท ขึ้นไป ถือเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่มีความจำเป็นต้องนำส่งแพทย์ที่ รพ. อย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีอาการเจ็บหน้าอก หายใจถี่ หรือมีอาการคล้ายโรคหลอดเลือดสมอง เช่น อาการชา ตาพร่ามัว มองเห็นภาพซ้อน อ่อนเพลียมาก หรือพูดลำบาก โทร 1669 ทันที หรือแผนกฉุกเฉินของ รพ. ทันที
หากไม่มีอาการ ให้นั่งอยู่นิ่ง ๆ 2-3 นาที แล้ววัดความดันโลหิตใหม่อีกครั้ง หากความดันโลหิตยังคงสูงต่อเนื่องแม้ไม่มีอาการไม่ควรลดความดันโลหิตด้วยตนเองที่บ้าน ควรรีบพบแพทย์ที่ รพ. เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง
แผนกฉุกเฉิน โรงพยาบาลเมดพาร์ค โทร. 02-090-3119 ตลอด 24 ชั่วโมง
บทความที่เกี่ยวข้อง